เมื่อวันจันทร์ที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ถือเป็นวันนักลงทุน Autonomy Investor Day ของบริษัทเทสลา (Tesla) โดยบริษัทได้จัดงานเปิดตัวคอมพิวเตอร์ตัวใหม่ Full Self-Driving สำหรับรถยนต์ไร้คนขับซึ่งได้ดำเนินการติดตั้งในรถยนต์โมเดล S และ X (ที่ผลิตตั้งแต่เดือนมีนาคม) และ Model 3 (ที่ผลิตตั้งแต่ 12 เมษายนที่ผ่านมา) แล้ว ภายในบรรจุทรานซิสเตอร์กว่า 6 พันล้านตัว ช่วยให้ประมวลผลได้สูงสุดถึง 2,300 เฟรมต่อวินาที มีประสิทธิภาพการทำงานมากกว่าฮาร์ดแวร์เจนก่อน (Autopilot Hardware 2.5) ถึง 21 เท่า
พร้อมกันนี้ยังเปิดตัวชิปตัวใหม่ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาร่วมกับทางซัมซุง ‘Full Self-Driving Chip’ เพื่อใช้งานกับโหมดรถยนต์ไร้คนขับโดยเฉพาะ มีประสิทธิภาพดีกว่าระบบปัจจุบัน 3 เท่า โดยน่าจะพร้อมใช้งานจริงในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งต่อจากนี้บริษัทจะพัฒนาซอฟต์แวร์ในโหมดไร้คนขับให้ทำงานได้ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น เช่น ในอนาคตจะสามารถอ่านสัญญาณไฟจราจรและเครื่องหมายต่างๆ พร้อมประมวลผลในโหมดไร้คนขับได้แบบไร้รอยต่อ
ด้าน อีลอน มัสก์ ยังตั้งเป้าดันโปรเจกต์ให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับบนท้องถนนกว่า 1 ล้านคันภายในปี 2020 และในอีก 2 ปีต่อจากนี้จะต้องผลิตรถยนต์ที่วิ่งในโหมดไร้คนขับอย่างเต็มรูปแบบให้ได้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: