หนึ่งคุณสมบัติที่ควรมีของร้านอาหารหรูใจกลางกรุงคืองานดีไซน์จัดจ้านที่ชวนให้ตื่นตาทั้งอาคารและรสอาหาร และจะครบเครื่องเข้าไปอีก ถ้าคุณสามารถสร้างบรรยากาศน่าสังสรรค์ให้นักชิมเพลิดเพลินได้ไม่รู้เบื่อ ซึ่ง Freebird (ฟรีเบิร์ด) ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นออสเตรเลียในซอยสุขุมวิท 47 สามารถตอบโจทย์ทุกเช็กลิสต์ได้อย่างไม่มีข้อกังขา
The Vibe
จากบ้านหลังเก่าของลุงผู้รักการเลี้ยงนก สู่ร้านอาหารสมัยใหม่ใจกลางกรุงที่ผู้คนพลุกพล่าน ทว่าบรรยากาศเงียบสงบประดุจชานเมือง
ชื่อ Freebird มาจากความเป็นอิสระ อิงถึงขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมอันเปิดกว้างของชาวออสเตรเลีย อีกนัยยังอิงถึงเรื่องราวของสถานที่ที่อดีตเคยเป็นบ้านสวนกลางกรุง ซึ่งถูกดูแลโดยคุณลุงผู้ชอบการเลี้ยงนกนานกว่า 27 ปี ก่อนปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นร้านอาหารร่วมสมัย บรรยากาศชวนนั่งในวันหยุดไม่ต่างจากคาเฟ่มีสไตล์
ตัวร้านปรับปรุงจากโครงสร้างเก่า โดยตกแต่งให้ต่างออกไปในแต่ละพื้นที่ บริเวณหน้าร้านที่สมควรเป็นทางเข้ากลับเป็นกระจกเปิดเปลือยให้เห็นห้องครัว อวดกรรมวิธีการปรุงให้เห็นแบบสดๆ เดินเข้ามาอีกหน่อยผ่านสนามหญ้าและสวนสวย มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาอยู่กลางลาน มีโรงเพาะชำพืชผักสมุนไพรเพื่อใช้เป็นส่วนผสมของอาหารและเครื่องดื่ม ตามจุดต่างๆ มีโต๊ะหินอ่อนไว้ให้เลือกนั่ง เหมาะมากในเวลากลางวันหรือยามบ่ายคล้อย
ด้านในติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ มีให้เลือกนั่งทั้งเป็นส่วนบาร์ Chef’s Table และโต๊ะแยกเป็นสัดส่วน สะดุดตาด้วยภาพวาดฝาผนังรูปหญิงสาว ผลงานของ สตีฟ ครอส ศิลปินมีชื่อชาวออสเตรเลีย ตามผนังบางส่วนใช้ไม้ดิบมาประดับตกแต่ง เสริมความเท่ด้วยโคมทรงแปลก และโคมไฟยาวแต่งสร้อยโซ่โลหะเส้นเล็กนับร้อยเส้น
The Dishes
ด้านเมนูอาหาร ที่นี่ได้ ‘เชฟท็อป-พงศ์ชาญ รัสเซล’ (Top Russell) เชฟหนุ่มสายเลือดไทยมารับหน้าที่ Executive Chef ผ่านการร่วมงานกับเชฟชั้นนำของโลกมาแล้วหลายท่าน เช่น อเล็กซิส โกติเยต์ (Alexis Gauthier) เชฟระดับดาวมิชลินจากร้าน Gauthier Soho ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, เชฟจุน ทานากะ (Jun Tanaka) เชฟชาวอเมริกา เจ้าของรายการดังในช่อง BBC เป็นอาทิ
เสิร์ฟอาหารแบบโมเดิร์นออสเตรเลีย จานอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากทวีปเอเชีย แต่ใช้เทคนิคการปรุงแบบยุโรป โดยเน้นไปที่วัตถุดิบท้องถิ่นผสานกับความดั้งเดิม
Freebird House Dips, Grilled Ciabatta
ของกินเล่น แนะนำ Freebird House Dips, Grilled Ciabatta (100 บาท) ขนมปังเซียบัตตาโฮมเมดทาด้วยน้ำมันมะกอกและกระเทียม นำไปอบจนกรอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม 3 รสชาติ ได้แก่ โรเมสโก (Romesco) พริกสเปนผสมเครื่องเทศ, ทารา มาสาลาตา (Taramasalata) เครื่องจิ้มสไตล์กรีกที่ผสมไข่ปลาคอต และฮัมมุส (Hummus) หอมกลิ่นเครื่องเทศ รสชาติเค็มมัน ทำจากถั่วลูกไก่ (Chickpea) และงาบด
คนรักของทะเลเลือกสั่ง Oyster with a Choice of Dressing (150 บาทต่อ ตัว) หอยนางรมตัวใหญ่เบอร์ 2 นำเข้าจากต่างประเทศ หม่ำคู่กับน้ำจิ้ม 3 แบบ ได้แก่ ซอสพอนซึ รสเปรี้ยวเค็มอมหวานจางๆ, Lemon & Tabasco เปรี้ยวเผ็ดร้อนแบบยุโรป และ Balsamic & Mustard เปรี้ยวเผ็ดซ่าฉบับบัลซามิกและมัสตาร์ด
Oyster with a Choice of Dressing
Slow Cooked Hen Egg, Local Mushrooms, Toasted Multigrain, Australian Brie
จานเรียกน้ำย่อย ห้ามพลาดกับ Slow Cooked Hen Egg, Local Mushrooms, Toasted Multigrain, Australian Brie (260 บาท) เมนูลายเส้นของทางร้านที่นำไข่ไก่สโลว์คุก เห็ด ธัญพืชอบหลากชนิด และชีสบรีสไตล์ออสเตรเลียมาคลุกให้เข้ากัน รสชาติเค็มกลมกล่อม มีหลากสัมผัส ใครกินเป็นต้องชอบ
Spaghettini, Salted Fish, Local Crab, Dried Chili, Pecorino, Ikura
คนชอบเส้นควรลอง Spaghettini, Salted Fish, Local Crab, Dried Chili, Pecorino, Ikura (380 บาท) สปาเกตตีผัดกับปลาเค็ม เนื้อปู พริกแห้ง และเพอโคริโนชีส โรยด้วยไข่ปลาแซลมอน เส้นคลุกซอสกำลังดี รสชาติเค็มนำเผ็ดตาม คนชอบอาหารประยุกต์ระหว่างไทย ยุโรป และญี่ปุ่นน่าจะชอบ
Duck Breast, Carrot Caramel, Puffed Rice, Charred Onions, Plum Sauce
Duck Breast, Carrot Caramel, Puffed Rice, Charred Onions, Plum Sauce (580 บาท) จานนี้เหมาะเป็นจานหลักแห่งค่ำคืน เนื้อเป็ดไทยจี่ไฟจนหนังกรอบ หม่ำคู่กับผัดผักโขมและปวยเล้ง หอมแดงที่ผ่านการซูวีด์จนนิ่มและนำไปย่างพอขึ้นสี ราดด้วยซอสสูตรเฉพาะ รสชาติเป็ดเหนียวนุ่มกำลังพอดี เค็มนำหวานตาม ตัดเลี่ยนด้วยซอสแครอทแบบพูเร อร่อย ต้องลอง
Some Pavlova Mate?
ปิดท้ายมื้อด้วย Some Pavlova Mate? (360 บาท) พาฟโลวา ของหวานสัญชาตินิวซีแลนด์ที่เชฟท็อปนำมาประยุกต์ใหม่ โดยได้ไอเดียมาจากข้าวเหนียวมะม่วงของไทย มะม่วงน้ำดอกไม้สุกวางคู่กับเม็ดสาคู ราดด้วยน้ำกะทิผสมน้ำตาลมะพร้าวอบควันเทียนจนหอมฉุย ประกบกับสโลว์เบกเมอแรงก์โฮมเมด จานนี้รสชาติหวานหอมสไตล์ไทย แต่ให้สัมผัสแปลกใหม่ เป็นของหวานสูตรเฉพาะที่หากินได้ที่นี่ที่เดียว
(ซ้าย) Bird Is the Word, (ขวา) Wind Floral
The Drink
เครื่องดื่มที่นี่มีให้บริการเด่นๆ อยู่ 2 ประเภทคือ ค็อกเทลสีสวย และไวน์คลื่นลูกใหม่ที่นำเข้าจากออสเตรเลีย เน้นโรงบ่มที่ใช้กรรมวิธีดั้งเดิมและปราศจากสารเคมีในการผลิต เช่น Mac Forbes, William Downie และ Luke Lambert
ทางด้านค็อกเทลมีให้เลือกชิมทั้งหมด 12 ชนิด แนะนำ Bird Is the Word (320 บาท) น้ำเมาสีสวยที่ใช้เหล้าจินรสสตรอว์เบอร์รีเป็นส่วนผสมหลัก เสริมด้วยน้ำผึ้งและผลไม้ตระกูลซิตรัส โรยหน้าด้วยฟองไข่ขาวฟูนุ่มละเอียด รสชาติเปรี้ยวหวาน ดื่มง่าย เหมาะสำหรับคนไม่ชอบอะไรที่แรงเกินไป
แต่ถ้าอยากสดชื่นราวกับเดินเล่นอยู่ในป่า ต้องลอง Wind Floral (340 บาท) ค็อกเทลสีเขียวที่มีส่วนผสมของเหล้าจินและเวอร์มุธ เพิ่มกลิ่นรสด้วยเมลอนและซิตรัส รสเข้มกว่า Bird Is the Word แต่ไม่แรงมาก
What You Should Know
- ที่นี่มีปาร์ตี้ประจำเดือนที่เราไม่อยากให้พลาด ‘Freebird Garden Party’ ปาร์ตี้ในสวนบรรยากาศสบายๆ ที่เชฟท็อปและเชฟรับเชิญพิเศษเนรมิตอาหารรสอร่อยให้คุณกินได้ไม่อั้น ตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 น. ไม่รวมค่าเครื่องดื่ม สนนราคาที่ 1,250 บาทเท่านั้น (เฉพาะค่าอาหารก็คุ้มแล้ว) ชักชวนเพื่อนฝูงมาแฮงเอาต์ พูดคุย แบ่งปันประสบการณ์ชีวิต นั่งเอกเขนก เล่นบอร์ดเกม หรือกิจกรรมใดก็ได้ที่คุณสนใจ
[ปิดกิจการแล้ว]
Address: 28 ซอยสุขุมวิท 47 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Budget: เริ่มต้นที่ 100 บาท
Contact: 0 2662 4936
Website: www.freebirdbkk.com
Page: www.facebook.com/freebirdbkk
Map:
- พูเร (Puree) หมายถึง อาหารที่มีลักษณะข้น หนืด เนื้อเนียน มักได้จากการทำให้สุกแล้วบดให้ละเอียด อาจกรองผ่านตะแกรง เช่น ซอส หรือซุปข้น
- เวอร์มุธ (Vermouth) คือเหล้าหมักสมุนไพรที่ทำมาจากไวน์ 80% และอีก 20% เป็นบรั่นดี น้ำองุ่น สมุนไพร เครื่องเทศ และรากไม้