“Ici (อิซิ) เป็นคำภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ที่นี่ ซึ่งฟังแล้วพ้องเสียงกับ Easy แถมพอเรานำตัวอักษร 3 ตัวนี้ ไปใส่ในภาพคลาสสิกของจิตรกรระดับโลก มันก็ดูเหมือนหน้าคนนะ” เชฟเปเปอร์-อริสรา จงพาณิชกุล เล่าให้เราฟังถึงที่มาของชื่อร้านขนมแห่งนี้ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
ในแวดวงอาหาร เรามักจะคุ้นหน้าคุ้นตากับเซเลบริตี้เชฟและเหล่าเชฟมิชลินทั้งหลาย แต่สำหรับวงการขนมแล้ว หากพูดถึง เปเปอร์-อริสรา จงพาณิชกุล เราเชื่อว่า เธออยู่ในอันดับต้นๆ แน่นอน เพราะเชฟหญิงตัวเล็กผู้นี้ คือบุคคลเบื้องหลังเมนูของหวานร้านอาหารชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Issaya Siamese Club, Issaya La Patisserie, Namsaah Bottling Trust, Kombawa, Le Cochon Blanc, ร้านอาหารมิชลินสตาร์ Saawaan และยังรวมถึงบ้านผัดไทย ที่เป็นหนึ่งในร้านอาหารแนะนำใน Bib Gourmand ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาเรื่องของหวานให้กับร้านอาหารอีกหลายร้าน และตอนนี้เชฟเปเปอร์ก็มีพื้นที่แสดงออกฝีมือและทักษะการทำของหวานได้อย่างเต็มที่และจุใจกว่าเดิม ณ บ้านหลังสีขาวในซอยสุขุมวิท 27 ณ ร้าน Ici (อิซิ)
The Vibe
Ici เกิดขึ้นจากความคิดของ คุณเฟรด เมเยอร์ (Fred Meyer) ชายชาวฝรั่งเศสผู้อยู่เบื้องหลังร้านอาหารมากมายในกรุงเทพฯ ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น ที่ร่วมกับเชฟเปเปอร์ ประสงค์ที่จะทำให้บ้านหลังนี้กลายเป็นจุดนัดพบของคนรักของหวาน ตัวร้านตกแต่งได้อย่างอบอุ่น น่ารัก เหมือนแกลเลอรีเล็กๆ มีภาพวาดคลาสสิกที่ดัดแปลงให้เป็นป๊อปอาร์ต และมีลูกเล่นคำว่า Ici อยู่ในทุกภาพ และด้วยความที่ต่างก็ชอบสีฟ้า โทนสีร้านจึงเป็นโทนฟ้าขาวสบายตา เช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลาย
จากประสบการณ์ด้านการทำขนมที่ร่ำเรียนมาจากฝรั่งเศส ทำให้เชฟเปเปอร์เชี่ยวชาญการหยิบจับวัตถุดิบมาผสมผสาน และเพิ่มลูกเล่นให้มีความน่าสนใจ ทั้งหน้าตาและรสชาติ ขนมแต่ละคำมีรสชาติที่มากกว่าคำว่าหวาน และมีรสสัมผัสแปลกใหม่หลายสัมผัสในคำเดียว หรือจะเป็นขนมตามขนบดั้งเดิม ก็ทำได้อร่อยไม่แพ้กัน ซึ่งเชฟก็ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และความตั้งใจออกมาอยู่ในขนมสิบกว่าเมนูที่ Ici โดยใช้วัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากทั่วโลก และแน่นอนว่ามีของไทยด้วย
The Desserts
Monsieur Religieux (195 บาท) เจ้าตัวนี้คือจานที่เราเล็งไว้ตั้งแต่ก่อนไปร้าน เมอซิเยอร์ท่านนี้ แท้จริงแล้วคือ แป้งชู (choux) 2 ก้อน ก้อนเล็กและก้อนใหญ่แปะด้วยกัน เลยนำมาแต่งตัวให้เป็นเมอซิเยอร์ แถมใส่หมวกช็อกโกแลตเหนียวหนึบ ส่วนแป้งชูข้างในอัดแน่นไปด้วยครีมคาราเมล ครีมวานิลลา และบัตเตอร์สกอตช์ ฟังแล้วอาจรู้สึกว่าน่าจะหวานเลี่ยน แต่เอาเข้าจริงแล้ว ความขมปลายลิ้นที่มาจากน้ำตาลไหม้ของบัตเตอร์สกอตช์ ทำให้เราละเลียดเมอซิเยอร์ได้หมดทั้งตัว
ขนมตัวที่ 2 มีหน้าตาเหมือนไอศกรีมโคน และเป็นหนึ่งในขนมที่ประดิดประดอยหลายขั้นตอนที่สุด Yuzu Cornet (225 บาท) สีขาวที่หน้าตาเหมือนไอศกรีมคือ อิตาเลียนเมอแรงก์ ลนไฟให้เกิดกลิ่นหอมน้ำตาลไหม้ ส่วนโคนข้างในเป็นส้มแทนเจอรีน มาร์มาเลด บิสกิต และยูซุกานาช และล่างสุดของโคนคือแป้งทาร์ตซาเบล เบรต็อง (sable breton) ให้สัมผัสทั้งมันและเค็ม โดยรวมกินแล้วสดชื่น ชวนให้คิดถึงฤดูร้อนและความสุขของการกินไอศกรีมในวัยเด็ก
Blueberry Balloon (235 บาท) ขนมหน้าตาเก๋ไก๋ เป็นลูกโป่งสีม่วง ที่ด้านในอัดแน่นไปด้วยซอฟต์บลูเบอร์รีชีสเค้ก ผิวหน้าสีม่วงใสทำจากโกโก้บัตเตอร์ที่เคลือบด้วยไวต์ช็อกโกแลตอีกทีหนึ่ง ใช้ช้อนเจาะเข้าไปเจอชีสเค้กเนื้อนุ่ม ตามด้วยเลมอนครีมรสเปรี้ยวหอมเตะจมูก ชั้นในสุดของลูกโป่งซุกซ่อนบลูเบอร์รีเยลลี่ ตักกินทั้งสามชั้นพร้อมกัน จะได้ทั้งรสและสัมผัสกำลังดี ส่วนครัมเบิลที่อยู่ในชีสเค้ก เชฟเปเปอร์นำมาสร้างขึ้นใหม่เป็นฐานให้ลูกโป่งชีสเค้กยึดติดกับจาน
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีงานกาล่าประกาศผลมิชลินไกด์ ปี 2019 ที่นอกจากจะมีกรุงเทพฯ แล้ว ก็มีการแจ้งเกิดมิชลินไกด์ภูเก็ตและพังงาอีกด้วย ซึ่งในงาน เชฟเปเปอร์ก็ได้ร่วมทำคอร์สของหวานปิดท้าย นั่นคือเมนู Starfish (450 บาท) ที่เชฟบรรจงรังสรรค์คอฟฟี่วานิลลามาสคาร์โปนมูสให้เป็นรูปทรงปลาดาว ด้านในสอดไส้สับปะรดภูเก็ตตุ๋น ส่วนฐานล่างทำจากพราลีนเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (ซึ่งทั้งสับปะรดและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เป็นวัตถุดิบที่เป็นตัวแทนจังหวัดภูเก็ตและพังงา ในฐานะที่แจ้งเกิดมิชลินไกด์ ปี 2019 นี้) จุดเล็กๆ รอบปลาดาวคือครีมรสขิง และมีโฟมขิงกับเจลรสรัมมะพร้าว ที่เพิ่มรสชาติโดยรวมให้ปลาดาวจานนี้ละมุนลิ้นยิ่งขึ้น
นอกจากสารพัดขนมหน้าตาน่ารักน่าชัง เครื่องดื่มก็น่ามองไม่แพ้กัน อย่าง Hot Chocolate (165 บาท) แก้วนี้ ที่มีมาร์ชเมลโลรูปหนูนอนแช่ฟองอาบน้ำสบายใจเฉิบ ซึ่งใต้ฟองนุ่มๆ นี้ก็เป็นช็อกโกแลตร้อนผสมนมนั่นเอง ความพิเศษของแก้วนี้คือ การใช้ช็อกโกแลตยี่ห้อ Valrhona ผสมเฮเซลนัตพราลีน จิบขณะอุ่นดีอย่าบอกใคร หรือจะเป็น Elderflower Soda (185 บาท) โซดากลิ่นดอกเอลเดอร์ พร้อมเลมอนเยลลี่ด้านบนที่รายล้อมด้วยกลีบดอกไม้กินได้สีสันสดใสหลายชนิด
What You Should Know
-
- นอกจากร้าน Ici เชฟเปเปอร์ยังมีผลงานของหวานฝากไว้อีกหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นที่ Issaya Siamese Club, Le Cochon Blanc, Saawaan และบ้านผัดไทย แต่ละเมนูไม่เหมือนกันสักร้าน และขอบอกว่าเด็ดจนน่าไปลองไม่แพ้อาหารคาวทั้งนั้น
-
- อนาคตเชฟเปเปอร์จะทำของหวานที่เสิร์ฟเป็นคอร์สเหมือนไฟน์ไดนิ่ง ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดได้ทางโซเชียลมีเดียของร้าน
-
- R.S.V.P. Only อย่าลืมจองโต๊ะ เพราะที่ร้านไม่รับลูกค้าวอล์กอิน เมื่อดำเนินการจองเสร็จสรรพเรียบร้อย ทางร้านจะส่งเมนูมาให้เลือกล่วงหน้า เพื่อที่เชฟจะได้เตรียมวัตถุดิบและทำขนมแบบสดใหม่ อีกหนึ่งสาเหตุที่ต้องสั่งเมนูไว้ก่อนที่จะถึงวันจริง ก็เพราะขนมหลายตัวใช้เวลาในการแต่งหน้าขนม และไม่สามารถเก็บในตู้แช่นานแบบขนมหรือเค้กทั่วไปได้
-
- หากไม่ได้มาด้วยรถยนต์ เราแนะให้เดินทางมาโดยนั่งมอเตอร์ไซค์จากปากซอยสุขุมวิท 27 เพราะที่จอดรถหน้าร้านมีจำกัดแค่ 2 คัน และซอยค่อนข้างแคบ
Ici
Open: เปิดบริการวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.
Address: 24 ซอยสุขุมวิท 27 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
Budget: 300-1,000 บาท
Contact: โทร. 0 2007 3113
Facebook: www.facebook.com/Ici.bkk
Map:
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล