ไม่ไกลจากนิชดาธานีละแวกปากเกร็ดที่นนทบุรี มีร้านอาหารเปิดตัวใหม่ที่ออกตัวว่าเป็นสไตล์ออสเตรเลีย สิ่งที่ผู้เขียนวาดภาพคือ ร้านบิสโทรจิ๋วสีขาวๆ มีต้นไม้แซมเป็นจุดๆ เสิร์ฟโปเก (Poke) หรือเมนูหนักอาหารสไตล์ทะเล แฝงด้วยความฮิปสเตอร์
แต่เปล่าเลย Sweet Poppy (สวีท ป๊อปปี้) น่าจะเป็นโปรดมุมใหม่ของชาวฝั่งเมืองนนท์ได้ไม่ยาก นี่คือร้านอาหารที่ไม่ได้แค่ยกรสออสเตรเลียมาเสิร์ฟ แต่ยังถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ของชาวดาวน์อันเดอร์เอาไว้ด้วย แบบที่ได้เห็นก็รู้ว่าลึกๆ ในใจแล้ว เจ้าของสามีภรรยาชาวออสซีอาจคิดถึงออสเตรเลียไม่น้อย และอยากแบ่งปันเศษเสี้ยวความเป็นชาวแดนจิงโจ้กับเพื่อนบ้านในละแวกด้วย
The Concept
ด้วยคอนเซปต์ที่เน้นความเป็นออสเตรเลีย นำด้วยวิถีชีวิตแบบเนิบๆ ง่ายๆ เน้นความเป็นคาเฟ่รับแดด รับลม และอยู่กับธรรมชาติ บวกกับวิถีชีวิตที่ค่อนข้างแอ็กทีฟรักกิจกรรม จึงออกมาเป็นร้านอาหารที่ทันทีที่เดินเข้าไป เราได้เห็นการออกแบบแจมด้วยหลังคามุงจาก ที่ชวนให้นึกว่าอยู่สักแห่งในเซนต์คิลดา บีช ผสมกับความเป็นรีสอร์ตอีโคเฟรนด์ลีแถบหัวหิน และฉาบนิดๆ ด้วยกลิ่นอายของคาเฟ่นักเซิร์ฟชางกูที่บาหลี ไอเดียเบื้องหลังยังต้องการให้เป็นสถานที่พักผ่อนของทุกคนในบ้าน มีการจัดกิจกรรมต่างๆ สำหรับคุณหนูๆ และเร็วๆ นี้ทางร้านยังเตรียมจัดไวน์แพริ่งคู่กับอาหารด้วย
The Vibe
บริเวณร้านแบ่งเป็นตัวเรือนคาเฟ่ ร้านอาหาร ห้องจัดกิจกรรม และศาลาสมูทตี้บาร์ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง เหมาะกับการนั่งรับลมเอื่อยๆ รับไอแดดนิดๆ จิบน้ำผลไม้คั้นสดใหม่ ชมสนามหญ้าสีเขียว ต้นไม้ใหญ่ (แบบที่เผลอๆ อาจจินตนาการว่าถ้าให้มีสระน้ำด้วยคงจะดีมาก) นอกจากนั้นที่นี่ยังมีบูติกขายของของทั่วโลก ที่จะวางขายขนม คุกกี้ที่อบสดใหม่จากครัวในอนาคต
ขณะที่ด้านในร้านอาหารแอร์เย็นฉ่ำ ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างไม้และหวาย เหมือนเดินเข้าไปในล็อบบี้รีสอร์ตรักธรรมชาติ ที่ตกแต่งประดับประดาด้วยของที่นำมาจากทั่วโลก (หากสนใจซื้อ สามารถสอบถามพนักงานได้) และยังสามารถมองเห็นด้านนอกผ่านหน้าต่างกระจกที่ตั้งอยู่รอบร้าน ชวนรู้สึกโปร่งสบาย เห็นความเขียวขจีพลิ้วไหวของต้นไม้ด้านนอก มีเพลงประจำฤดูร้อนยุคปลาย 90 อย่าง Dreamlover ของ มารายห์ แครีย์ เปิดคลอเบาๆ
ภายในบริเวณยังมีสนามเด็กเล่นที่สามารถจัดกิจกรรมได้ทั้งครอบครัว เรายังเหลือบไปเห็นป้ายชวนขำที่แปะบนเครื่องเล่น เตือนบรรดาพ่อแม่ว่า ‘หนูๆ ที่เล่นโดยไม่มีผู้ปกครองดูแล จะได้จิบเอสเปรสโซ และได้ลูกสุนัขกลับบ้านไปฟรีๆ ด้วย’
The Dishes
ร้านอาหารแห่งนี้เสิร์ฟอาหารออสเตรเลียและยุโรปที่ทำแบบโฮมเมดจากวัตถุดิบออร์แกนิกสดใหม่ที่เน้นคุณภาพสูง อันเป็นหัวใจของอาหารชาวแดนจิงโจ้ เหมาะกับคนทุกวัย ในเมนูยังบอกอีกว่า จานไหนเป็นมังสวิรัติ มีกลูเตน หรือผลิตภัณฑ์จากนมหรือไม่ และด้วยความที่มีบาร์น้ำผลไม้ใหญ่โต สมูทตี้ของที่นี่จึงอัดแน่นไปด้วยผลไม้เต็มๆ แบบไม่มีหวง โดยน้ำแอปเปิ้ลใส่แอปเปิ้ลถึง 4 ลูกต่อแก้ว
เมนูอาหารที่ Sweet Poppy มีหลายใบจนอาจงงเล็กน้อย เพราะเสิร์ฟทั้งแบบอาหารเช้า บรันช์ กลางวัน และเย็น Daily Bread (140 บาท) ขนมปังอบสดใหม่จากเตา จิ้มกับมะเขือเทศทำสดที่อร่อยเหาะ หอมควันอ่อนๆ ให้รสมะเขือเทศอ้อยอิ่งแบบยาวๆ กินได้เรื่อยๆ อร่อยพอๆ กับ Hummus (140 บาท) ข้าวเกรียบควินัวกรอบๆ จิ้มกับฮัมมุสและมะกอก
Vietnamese Slaw (390 บาท) จานเด็ดน่าประหลาดใจสำหรับคนไม่ชอบกินยำที่ต้องขออีกคำ จานนี้คล้ายกับเมี่ยงใส่ไก่ฉีก โรยหนังไก่กรอบๆ สารพันผัก และใส่ถั่วงอกสดใหม่ พริกสด บีบมะนาวก่อนรับประทานเพื่อเพิ่มรสจี๊ดจ๊าด จะกินแบบสลัดยำหรือแบบเมี่ยงก็ได้ตามใจชอบ โดยแต่ละจานสามารถสั่งธัญพืชหรือโกจิเบอร์รีมาโรยเพิ่มเพื่อสุขภาพได้แบบจ่ายเพิ่ม 30 บาท
จะให้ครบสูตรออสเตรเลียทั้งที ไม่มีอะโวคาโดโทสต์คงเหมือนไปซิดนีย์แล้วไม่เห็นโอเปราเฮาส์ Avocado Toast (310 บาท) จากเมนูบรันช์ ใช้อะโวคาโดสดใหม่บนขนมปังธัญพืช ใส่เฟตาชีส มะเขือเทศ เหยาะน้ำมันมะกอก จะกินคนเดียวหรือแชร์กันก็ได้ หยิบจับความเม็กซิกันนิดหน่อยตามแบบประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลายอย่างออสเตรเลียด้วย Prawn Tacos (490 บาท) ทาโกกุ้ง ใส่อะโวคาโดชิ้นใหญ่ จี๊ดเบาๆ ด้วยพริกฮาลาปินโญ และหากสังเกตจะเห็นว่าอาหารแบบตำรับออสเตรเลียนั้นเน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบเป็นตัวชูโรง และ Sweet Poppy ก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ต้องขอเครื่องปรุงเพิ่มเลยแทบสักจาน
มาถึงส่วนเมนูอิ่มแน่นอน แบบที่มาถึงร้านออสเตรเลียควรต้องลอง Hanger Steak (850 บาท) ที่ใช้เนื้อออสเตรเลียคุณภาพดี รสเข้มข้นแบบรู้สึกถึงรสนัตตี้อ่อนๆ ของธัญพืชที่แทรกซึมอยู่ในเนื้อ เสิร์ฟมากับกระเทียมอบ มันฝรั่ง และซอสชิมิชูรี ถือเป็นจานเด็ดที่ยิ่งกินด้วยกันยิ่งเดิร์น หรือจะลอง Organic Pork Chop (590 บาท) พอร์กช็อปที่ใช้เนื้อหมูของ Sloane’s จานโต อาบไปด้วยซอส แถมมาพร้อมกับซี่โครงหมูหนึ่งชิ้นให้ด้วย เนื้อหมูนุ่มชุ่มด้วยซอส รับประทานง่าย ห่างไกลคำว่าแห้ง กินกับพิวเรดอกกระหล่ำ และกระหล่ำปลีจี้ไฟ ที่กลิ่นหอมยั่วยวนแล้วนับว่าเป็นจานที่ไม่ควรพลาด พิสูจน์ว่าอาหารออสเตรเลียทั่วไปที่เราอาจคิดว่ารสจืดไปไม่ถูกปาก แท้จริงกลับจัดจ้านถูกปากคนไทยได้ไม่ยากเลย
ส่วนขนมหวาน มาร้านอาหารสไตล์เดอะดาวน์อันเดอร์และแดนกีวีแบบนี้ อย่าลืมสั่งขนมประจำถิ่น (ที่เถียงกันไม่ตกว่ามาจากแดนจิงโจ้หรือแดนกีวี) อย่าง Pavlova (260 บาท) กับรสจี๊ดๆ ของเสาวรส หวานด้วยเคิร์ดมะม่วง โปะไอศกรีมซอร์เบตมะพร้าว หรือจะลอง Soft Chocolate Mousse (320 บาท) กินกับซอสคาราเมลและรวงผึ้งกรอบๆ
The Drinks
นอกจากเมนูเครื่องดื่มที่มีให้เลือกเยอะแล้ว ยังมีเมนูกาแฟอย่าง Flat White (120 บาท), Baby Cino (80 บาท) รวมถึง SP Chocolate with Marshmallows (120 บาท) โดยเลือกใส่นมอัลมอนด์หรือนมถั่วเหลืองได้อีกด้วย
นอกเหนือจากนั้นยังมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเบียร์ขวดจากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เม็กซิโก ฯลฯ และคลาสสิกค็อกเทลที่ราคาไล่เลี่ยกับสุขุมวิท อาทิ G&T (290 บาท), Negroni (320 บาท) และซีเล็กชันไวน์จากนิวซีแลนด์และออสเตรเลียเช่นกัน
Sweet Poppy
Open: เปิดบริการวันจันทร์-พุธ เวลา 7.00-18.00 น. และพฤหัสบดี-อาทิตย์ เวลา 7.00-10.30 น.
Address: 90/10 ถนนสามัคคี อำเภอเมือง จ.นนทบุรี
Budget: 200-600 บาท
Contact: 0 2005 5206
Website: www.sweetpoppy.co.th
Map:
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล