×

งู ตุ๊กแก ปลวก มด แมลงเม่า บุ้ง หนู และอ้อน อาย

23.08.2017
  • LOADING...

     ชอบหนังสือ ‘สวนสัตว์’ ของ สุวรรณี สุคนธา ไม่นึกว่าวันหนึ่งจะต้องมาอยู่สวนสัตว์

     อุตส่าห์ตั้งชื่อเอาฤกษ์เอาชัยว่า ‘สวนไผ่รำเพย’ อยู่ๆ ไปสวนไผ่เริ่มแสดงตัวตนความเป็นป่าเป็นเขา เรามาทีหลัง มาด้วยการถือสิทธิ์ครอบครองตามกฎหมาย แต่กฎธรรมชาติที่มีอยู่เก่าก่อนก็ยังดำรงอยู่

     นี่คือบ้านเรา–ถูกต้อง แต่ก็เป็นบ้านของสรรพสัตว์เช่นเดียวกัน

     ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดว่าจ่ายเงินจบแล้วเราก็เป็นเจ้าข้าวเจ้าของทุกสิ่ง พอรู้ รู้สิว่าโลกมีผู้คน โลกมีสิงสาราสัตว์ บนแผ่นดินเดียวกัน เราต่างใช้ชีวิตบนพื้นที่ทับซ้อน แบ่งกันบ้าง แย่งกันบ้างตามสถานการณ์

     รู้ เข้าใจ และหลายอย่างก็ออกแบบเพื่อป้องกันปัญหาไว้ตั้งแต่ต้น เช่น ครัวต้องอยู่แยกจากตัวบ้าน เพราะรำคาญมด จะมากจะน้อย เมื่อมีอาหาร มดมาแน่ๆ มาเป็นกองทัพ สกุลยาสู้กับมดน่ะพอมี แต่ไม่ทันมันหรอก ฉะนั้นกันได้ก็กันมันออกไปก่อน เคลียร์เรื่องอาหารไปเลย สร้างกฎเหล็กว่าจะไม่นำของกินเข้าบ้านเด็ดขาด

     ได้ผล เอาอยู่

     แต่ของแบบนี้ตายใจเมื่อไรก็เจ็บใจทุกที

     วันดีคืนดีนอนๆ อยู่ก็สะดุ้ง ตัวอะไรยุบยับไต่ขา เปิดไฟหาสาเหตุ อ้าว มดรุมทึ้งซากจิ้งจก อีกที ซากเขียด ซากแมลง

     บางทีเปิดเป้ออกมา เจอมดเป็นกอง ไม่รู้เข้าไปกินอะไร ขนมนมเนยก็ไม่ลืมทิ้งไว้ หรือมันหนีฝน หาที่อบอุ่นสร้างรวงรัง วางไข่ หรือระหว่างการเดินทาง เราวางกระเป๋าทิ้งไว้แล้วมีคนทำน้ำหวานหกใส่ ฯลฯ เอาว่ายามมันจะมา ยามมันจะบุกถึงที่นอน มันก็มาสร้างความเดือดร้อนได้โดยไม่สนใจว่านี่ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วนะจ๊ะ

     .

     เรื่องมด ต่อให้เป็นพ่อมด แม่มด เทียบกับปลวกแล้วต้องถือว่าเป็นมวยคนละชั้น ปลวกเป็นปัญหาคลาสสิกของคนมีบ้าน ปัญหาระดับอมตะนิรันดร์กาล

     อยู่ประเทศเขตร้อนชื้น ยิ่งกับบ้านป่า จะนิยมหรือไม่นิยมเสาปูนก็ทำใจใช้ไปเถอะ หรือไม่ก็เสาเหล็กไปเลย ก่อนวางเสาต้องเทยากันปลวกโรยก้นหลุม ฝาผนัง พื้นบ้านส่วนไหนเป็นไม้ พลาดไม่ได้เด็ดขาดที่ต้องทาน้ำยาเคลือบทุกจุด

     ปลวกเป็นนักทำลายล้างที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง พยายามอย่างยิ่ง เหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง

     คิดจะสู้กับปลวกต้องปล่อยวาง ป้องกัน และถ้าเห็นมันมาเมื่อไรก็หาวิธีฆ่า

     เรื่องจะหนีรอดหลุดพ้นแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดนั้นไม่มี

     มีแค่วันที่มันยังไม่มา แต่ไม่ต้องกังวล แค่วางไม้ไว้กับดินวันเดียว ไม้แข็งๆ เลยล่ะ รุ่งขึ้นหยิบพลิกดู มันมาแล้ว มันกินไม้ราวกับชีวิตมีอุดมการณ์เดียวคือกิน จุดยืนชัดเจนคือทำลายและทำลาย

     โกรธมันหรือ? โกรธจนตัวสั่นที่บ้านช่องเสียหาย โกรธเกลียดไปก็เปล่าประโยชน์

     อยู่ร่วมกันหรือ? คำตอบคือไม่ คนกับปลวกอยู่ร่วมกันไม่ได้ เจอแล้วต้องฆ่าสถานเดียว

     อยู่บ้านป่า หน้าที่หนึ่งในยามว่างคือเดินสำรวจโคนเสา พื้นผนัง โต๊ะ เก้าอี้ ห้องน้ำ สำรวจให้ทั่วว่ามีมันอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่มี วันหลังหาโอกาสสำรวจตรวจตราดูใหม่ สำหรับปลวกแล้ว การนิ่งนอนใจคือหายนะ

     เพียงเผลอไผล ลางร้ายก็เริ่มมาเยือน

     ปลวกดุและดิบเถื่อนจนบางครั้งน่าขำว่า เออเนอะ พวกมันช่างตั้งอกตั้งใจทำงาน ไม่คิดพักผ่อน on vacation กันบ้างเลย

โชคร้ายว่าเราอยู่ร่วมกันไม่ได้

     งูก็จัดอยู่ในหมวดหมู่ความหมายนี้

     .

     “พี่ระวังนะ” เพื่อนหนุ่มชาวกรุงเตือนผมตั้งแต่แรกที่ก้าวเท้าลงรถเหยียบพื้นดินสวนไผ่รำเพย เมื่อครั้งที่ยังไม่ปลูกบ้าน

     เหมือนพีอาร์ เหมือนประชาสัมพันธ์ เข้ามาถึงก็เจองูเลย

     แรกทีเดียวผมไม่เชื่อด้วยซ้ำ ตาฝาดหรือหวาดระแวงเกินไปหรือเปล่า จิ้งเหลนมั้ง กิ้งก่ามั้ง

     อยู่นานวันเริ่มเข้าใจว่าของจริง อยู่นานวันเริ่มทำใจว่าคงต้องอยู่กันไปแบบนี้ เพราะเจองูเป็นปกติ เรียกว่าถ้าผ่านไปสักสัปดาห์แล้วยังหากันไม่เจอนี่มีคิดถึง

     ศึกษารูปพรรณสัณฐานและถามเพื่อนบ้านแล้วได้ความว่าเป็นงูไม่มีพิษ เท่าที่เจอเป็นเช่นนั้น ที่ไม่เจอยังไม่รู้ แต่มีพิษหรือไม่มี ตัวใหญ่หรือตัวเล็ก ขึ้นชื่อว่างูย่อมไม่น่าพิสมัย

     ตกใจจนล้มก็เคย พื้นมันเอียงและลื่น เจ้าตัวดีนึกจะโผล่ก็พรวดออกมาจากพงหญ้าระยะประชิดตัว

     นอนเปลสบายอารมณ์อยู่ มองไปเจอซีนงูกระโดดงับกิ้งก่าบนต้นไม้ก็เคย

     ฟังเสียงก็เชี่ยวชาญขึ้นตามลำดับ เสียงโอดโอยแบบนี้นี่มันเขียดโดนงูกินนี่นา …เดินไปดูก็เห็นเป็นจริง

     ชีวิตคนภูเขา ก่อนจะย่างแต่ละก้าวต้องมองให้ละเอียด ค่ำลง ไฟฉายอย่าให้ห่างกาย จะเดินไปทางไหน ส่องให้ดีก่อนเดิน

     มองล่างแล้วอย่าลืมมองบน ต้นไม้มันก็ชอบอยู่ ยิ่งฤดูฝนชื้นๆ งูคงไม่ชอบเปียกแฉะเหมือนกัน สังเกตว่าถ้าฝนตกติดต่อกันนานๆ พอหยุดหรือมีแสงแดด มันมักจะปรากฏกาย

     หลักการของผมคือถ้ามาระยะใกล้ ตีได้ ตี ถ้าถึงขั้นเข้าบ้าน เข้าครัว เข้าห้องน้ำ ยังไงก็ต้องตี ปล่อยไว้ไม่ได้ ส่วนถ้าเห็นไกลๆ หรือในจังหวะไม่มีพิษมีภัย ปล่อยได้ก็ปล่อย โดยพื้นฐานคือไม่อยากยุ่งอยู่แล้ว อยากสร้างกติกาแห่งสันติอหิงสาว่าต่างคนต่างอยู่ แต่งูคงไม่รู้เรื่อง ไม่สนใจ บ้านของเราก็คือบ้านของมันเหมือนกัน ฉะนั้นก็อยู่ๆ กันไป

     ในกรณีมีเหตุบุกรุกคุกคามหนักข้อ สงครามย่อมปะทุ

     อโหสิกรรมนะ อโหสิกรรมด้วย–บางบทเพลงล่องลอยมาในจังหวะด้ามจอบฟาดแรงๆ ลงร่างเรียวยาว

     ตกกลางคืนบางครั้งเก็บไปฝัน และกลางวันแสกๆ บ่อยหนมองเห็นกิ่งไม้เป็นงู

     กายเราทำร้ายต่อกัน ในใจย่อมหวั่นไหว

     ทางแก้นอกจากการฆ่าคือทำความสะอาดรอบบริเวณบ้าน หมั่นคอยตัดหญ้า และหาจังหวะก่อไฟจุดนั้นจุดนี้ แสดงอาณาเขตคน

     คิดเอาเองว่า ถ้ามันรู้ว่ามีคน มีเจ้าของ มันก็คงไม่อยากปะทะเท่าไร

     ใช่, ใครจะอยากเสียเลือดเสียเนื้อ ช่างภาพสัตว์ป่าคนปากช่องเคยเล่าว่า แม้เป็นแผลเพียงเล็กน้อย เสือก็ใช้ชีวิตลำบาก เป็นไปได้ มันจะเลี่ยงการปะทะอย่างถึงที่สุด ยกเว้นในวิถีของสัตว์ผู้ล่า เมื่อหิวก็ต้องหาอาหาร

     ผมค้อมหัวให้–เสืออย่างเขาย่อมเข้าใจเสือ

     .

     เดาว่างูไม่ได้อยากเข้าบ้าน ที่เข้าคงเข้าใจผิด หรือตัดสินใจผิด ตุ๊กแกต่างหากที่ไม่รู้ว่าทำไมตอนไม่มีบ้านคนก็อยู่บนต้นไม้ พอบ้านเสร็จ มันมาทันที

     มีตัวที่หนึ่ง ก็มีตัวที่สอง สาม สี่… ราวกับว่าถ้าใครเจออะไรดีๆ ก็โทรเรียกกัน

     หน้าตาเป็นปัญหาของตุ๊กแก จิตใจเบื้องลึกหรือเนื้อแท้ตัวตนเป็นแบบไหนไม่รู้แหละ แต่แม้ไม่ต้องทำโพลก็ฟันธงได้ว่าใครเห็น ใครก็กลัว ก็เกลียด

     ทั้งที่มันไม่ได้มาทำอะไรให้เลย

     โอเค เรื่องขี้ก็ไม่ใช่ขี้ๆ มีปัญหานี้อยู่จริง (แปลกซะด้วยว่าขี้ที่เก่าทุกที อยากตะโกนบอกมันว่าบ้านคนนะเว้ย ไม่ใช่ส้วม) เพื่อนคนหนึ่งเคยบอกว่าหน้าตาก็งั้นๆ ถามว่าชอบไหม ก็ไม่ชอบ แต่ไม่กลัว ไม่เกลียด ที่รังเกียจและทนไม่ได้เลยคือขี้ ทิ้งบ้านไปนานๆ นี่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนมาก ทั้งจากจิ้งจกและตุ๊กแก

     ต้นฤดูฝน ตุ๊กแกจะร่าเริงมาก เพราะแมลงเม่าเยอะ เรียกว่าบินมาป้อนถึงปาก

     ผ่านฝนผ่านหนาวมาไม่น้อย ผมพบว่าฝนแรกที่น่านคือแรงดึงดูดที่มีแสนยานุภาพสูงมาก แมลงเม่านับล้านๆ หลายร้อยหลายพันล้านตัวบินเต็มฟ้า ตรงไหนมีไฟ ยิ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ถนนไฮเวย์เต็มไปด้วยแมลงเม่า ฝนพรำๆ แมลงเม่าบินว่อนเป็นเม็ดฝน ที่บ้าน เพียงจะเปิดไฟกินข้าวมื้อค่ำ โดนกองทัพแมลงเม่าโจมตี กินไม่ได้ ต้องปิดและจิ้มจุ่มกันในความมืด

     หนีเข้าห้องนอน เพียงกดโทรศัพท์มือถือดูเวลา ฝูงแมลงเม่าพุ่งเข้ามาหน้าจอเรืองแสงทันที

     ยังดีว่ามันมาแค่สองสามวัน จากนั้นก็คล้ายหายสาบสูญไปจากโลก

     หากเป็นความรัก วิถีแมลงเม่าคล้ายคนหลอกให้รัก พอเริ่มหลงใหลแล้วเขาก็จากลา

     คล้ายบุ้ง บุ้งขนดำขลิบขาวขยับยืดๆ หดๆ ยั้วเยี้ยตามต้นไม้ เดินไปไหนก็เจอ ไม่ระวังพอก็ปลิวมาติดเสื้อ คันและน่าขยะแขยง แต่เพียงสองสามวันหลังฝนแรก บุ้งก็หายไปเหมือนแมลงเม่า หายไปคล้ายไม่เคยมีอยู่ ไม่มี มองหายังไงก็ไม่มี จนกว่าฤดูฝนหน้าจะกลับมา

     .

     บุ้งและแมลงเม่าเลือกเดือนฤดู แต่หนูไม่เลือก

     หนูมาตอนผมไม่อยู่บ้านหลายวัน กลับมา เปิดประตูแล้วผงะ ข้าวของกระจุยกระจาย เหม็นซากสัตว์ กองทัพมด ขี้หนู ไหนจะขี้จิ้งจก ตุ๊กแก

     บ้านช่องมิดชิด มันเข้ามาได้ยังไง? มองมุ้งลวดที่เป็นรูโหว่ใต้หลังคาก็พลันตาสว่าง

     ค่อยๆ รื้อเก็บฟูกหมอน เสื้อผ้า และในที่สุดก็ได้สบตากับมัน

     ตัวแม่พยายามประคับประคองลูก บ้างหล่นกลิ้ง และวิ่งล้มลุกคลุกคลาน พยายามหนี

     สายตาแม่หนูตระหนก ขณะที่ผมโกรธตัวสั่น คว้าไม้จะตี มันกึ่งวิ่งกึ่งหอบลูกพุ่งตะกุยสวนออกประตู

     ‘อ้อน’ แมวเพศเมียวัยสี่เดือนรออยู่แล้ว มันวิ่งไล่และงับลูกหนูเต็มปาก วางเขี้ยวให้มั่นแล้วเดินอาดๆ คาบไปฝากเพื่อน ‘อาย’ แมวเพศผู้วัยเดียวกัน

     ไม่มีหนูแม่ลูกในห้อง แต่คนเป็นเจ้าของต้องใช้เวลาอีกนานในการปัดกวาด ชำระซากสิ่งโสโครก ใจสั่นด้วยโกรธเกลียดเย็นลง และบางขณะเห็นใจหัวอกแม่ สงสารลูกสัตว์บอบบางยังไม่หย่านม แต่คนกับหนู เราอยู่ร่วมบ้านกันไม่ได้

     อาจจะได้ช่วงหนึ่ง ถ้าคนไม่อยู่ ถ้าอ้อนกับอายไม่เห็น

     คนมา แมวมา บรรดาหนูๆ ก็ต้องไป

     ไปไหนไม่รู้ เอาชีวิตรอดไหมก็ไม่รู้ แต่เราอยู่ร่วมกันไม่ได้

     .

     หนูร้ายกาจที่สุด ตอนเราเจอ ตอนมันเข้ามาใกล้ๆ เข้ามาอยู่ร่วมห้อง ร่วมบ้าน เหมือนบุ้ง แมลงเม่า มด ปลวก งู ตุ๊กแก พอจัดการให้ผ่านไป สวนไผ่รำเพยค่อยกลับมาร่มเย็นสุขสงบ

     สุขสงบในนาทีนี้ วันนี้ และแน่นอนว่าวันต่อๆ ไปก็จะเผชิญกับสรรพสัตว์อีก บางทีเป็นปัญหาเล็กๆ และบางทีก็สร้างเรื่องน่าปวดหัว ใช้เวลาแก้ไขหลายวัน เสียเงิน เสียอารมณ์ คำว่าจบไม่มี คำว่าสุขสมบูรณ์ไม่มี มันวนๆ เวียนๆ เข้าๆ ออกๆ คล้ายลมหายใจ

     เตรียมตัวและทำใจไว้เลยว่าถ้ามีปัญหาก็แก้ ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจ ตั้งสติและแก้ไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีหรอกความสุขอันเป็นนิรันดร์

     ตุ๊กแก งู ปลวก มด แมลงเม่า บุ้ง หนู บอกผมว่าเราไม่อยู่ เขาก็อยู่ เราไม่ใช้ เขาก็ใช้

     โต๊ะเก้าอี้ไม้ ถ้าเฝ้าไว้ตลอด ปลวกมากินไม่ได้หรอก งูไม่มา หนูไม่มี บ้าน–ถ้าหลังใหญ่เกินกว่าร่างกายกว้างคืบยาววา เราดูแลรักษาไม่ทั่ว ในความหมายหนึ่งคือเราไม่ได้เฝ้าระวัง ไม่ได้อยู่ตลอดเวลา อย่างที่กล่าวแล้ว เมื่อเราไม่ใช้ สัตว์ก็ใช้ เราไม่อยู่ สัตว์ก็อยู่

     ว่าไปมันก็แฟร์ดี ก็ในเมื่อเราไม่แคร์ ไม่ดูแลรักษา คนอื่นก็อาจฉวยคว้าเอาไป

     เราไม่อยู่ เขาก็เข้ามาอยู่ เราไม่เอา เขาก็เอา เราไม่โอบกอด เขาก็บั่นเซาะ ช่วงชิง ครอบครอง

     แม้แต่อ้อนกับอาย (on ’n eye) ที่เป็นสัตว์เลี้ยง เราก็ควบคุมกำหนดไม่ได้ทุกเรื่อง

     กำหนดได้น้อยมากเลยด้วยซ้ำ

     หรือนี่คือความท้าทาย หรือนี่คือกลไกที่เคลื่อนขับให้เราหลับและตื่นด้วยความหวัง ด้วยแรงพลังที่พร้อมจะเดินไปข้างหน้า.

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X