×

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอยู่น่านหนึ่งปี

18.12.2017
  • LOADING...

ออกจากกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ รู้สึกโล่งอก


การตัดสินใจไปทำงานที่ปัตตานีเป็นเรื่องยาก แต่การทิ้งกรุงเทพฯ ยากกว่า


เคยพูดอยู่เรื่อยว่าผมเข้ามาทำงาน ทำมา 25 ปี และงานตอนนี้ทำที่ไหนก็ได้ คิดฝันอยากทิ้งกรุงเทพฯ มาพักใหญ่ กว่าจะตัดใจทิ้งได้ ยอมรับว่าหนัก เพราะกรุงเทพฯ คือคำตอบของทุกสิ่งทุกอย่าง เราสร้างบ้านสร้างเมืองกันมาแบบนั้น อีกนาน นานมากทีเดียวที่กรุงเทพฯ จะยังเป็นแรงดึงดูดที่มีอิทธิพลสูงสุด ความเป็นเมืองหลวงนั้นหนึ่ง และสอง, ความคิดเรื่องการกระจายอำนาจ (อำนาจในทุกๆ ทาง ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา) ผู้หลักผู้ใหญ่ของเราคิดอ่านเรื่องพวกนี้น้อยและไม่เอาจริงเอาจัง ตราบใดที่เป็นอยู่เช่นนี้ รถติดในกรุงไม่มีทางแก้ได้ ความตายในช่วงเทศกาลไม่มีทางแก้ได้ เพราะคนหนุ่มสาวทั่วประเทศหลั่งไหลกันมากระจุกตัวกันอยู่ในกรุง


คำว่ารถติดแปลว่าโลกนี้ไม่มีไฟเขียวหรืออย่างไร นั่นชีวิตคนกรุง


รถติดของคนน่าน ที่น่านอาจแปลว่ามีรถขวางอยู่ข้างหน้าสี่คัน


รถเยอะขึ้นจริงๆ ปีสองปีมานี้น่านมาแรง รถเยอะ คนเยอะ บ้านช่อง โรงแรม ร้านกาแฟ ผลิบานนับจำนวนไม่ทัน กล่าวด้วยสายตาในฐานะอดีตนักข่าวการตลาด ขณะที่ไทยทั้งประเทศเศรษฐกิจทรุด และจะทรุดลงไปอีกเป็นทศวรรษ แต่ที่น่าน นี่คือวันเวลาของดอกไม้ นี่คือวันเวลาของสายรุ้ง


ถนนหนทางเยี่ยมยอด ยิ่งหน้าบ้านเศรษฐีใหญ่ของเมืองยิ่งยอดเยี่ยม


พ้นจากฤดูฝน พ้นจากช่วงน้ำป่าไหลหลาก แม่น้ำลำธารโดยมากสวยใส น่านั่งเอาเท้าแช่


ผักพื้นเมืองและผลไม้สดๆ มีให้กินตลอดทั้งปี


ตลาดเชียงแข็ง (ไปตอนบ่ายๆ หน่อยนะ) น่าเดิน สินค้าราคาเป็นมิตร เป็นธรรม แม่ค้าตาคมใบหน้าไม่เหนื่อยหน่ายกับชีวิตเหมือนแคชเชียร์สาวในโลตัสเอ็กซ์เพรส


น่านแปลว่าปัว ไม่จริงหรอก แต่คนมาเที่ยวน่านตอนนี้ร้อยทั้งร้อยมุ่งสู่ปัว ปัว และปัว และร้านลำดวนผ้าทอนั้นเปรียบประหนึ่งเมกกะ ถ้าไม่ไปเช็กอิน มันผิดกฎหมาย


ลางเนื้อชอบลางยา รสนิยมไม่ใช่เรื่องที่เราต้องมาถกเถียงกัน ถามคนใช้ชีวิตอยู่จริงๆ มาปีหนึ่ง ผมชอบแม่จริมมากกว่า สันติสุขก็ไม่เลว ทุ่งช้างก็ไม่เลว เอ่อ หรูเลยล่ะ โดยเฉพาะบ้านริมแม่น้ำ พฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์คือวันเวลาในสวนสวรรค์


น่านอยู่ไกล จะไปไหนมาไหน โดยเฉพาะตอนมีเรื่องเข้ากรุง ต้องวางแผนให้รัดกุม


ค่ารถทัวร์และรถไฟ (สถานีเด่นชัย) ราคาเฉลี่ยอยู่ที่เที่ยวละห้าร้อย เครื่องบินตกอยู่ในราวแปดร้อย ช่วงไฮซีซันและบินฉับพลัน ราคาก็พุ่งขึ้นไปตามกลไกทุนนิยม


หากเงินในบัญชีมีน้อย หลักการทำบ้านให้เล็กที่สุด ประหยัดที่สุด เป็นความคิดที่ถูกต้อง


ปัญหาของบ้านเล็กมีดังนี้ หนึ่ง, ไม่มีที่เก็บของ สอง, ไม่มีที่พักให้เพื่อน สาม, ตื่นมาแล้วหาที่วางเท้ายาก ต้องตั้งสติดีๆ เพราะกล่องเสื้อผ้า กระเป๋า โต๊ะ เก้าอี้ มันระเกะระกะไปหมด


ลำพังเพียงหนังสือก็ไม่รู้จะเก็บที่ไหน


สิ่งที่เราควรรับรู้ร่วมกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับรู้ว่าเมืองไทยเป็นประเทศเขตร้อนชื้น เนื้อร้องท่อนหนึ่งในเพลงโรงเรียนของหนูที่ว่า ‘ยามร้อนแสนร้อน ยามหนาวก็หนาวถึงใจ’ นั้นวรรคแรกเป็นความจริง วรรคหลังไม่แน่ แต่ยามชื้นนั้นยิ่งกว่าแน่ ชื้นมาก ชื้นทะลุเข้ามาถึงในบ้าน ยิ่งบ้านปูนซึ่งคนเมืองมักคิดไปเองว่ารอดพ้น เอาอยู่ไหม ที่อื่นอาจจะอยู่ แต่ที่น่านความชื้นสูงมาก หากพื้นผนังทำด้วยปูน แต่ชายคาไม่กว้างพอ ฝนหรือหมอกมาเมื่อไร เตรียมใจได้เลยว่าหนังสือแฉะ บวม ขึ้นรา


เริ่มต้นด้วยบ้านเล็กแล้วค่อยขยับขยาย บทเรียนจากบ้านหลังแรก บทเรียนจากการใช้ชีวิตอยู่ช่วงปีแรกจะทำให้เราพอวิเคราะห์ได้ว่าหลังต่อไป โรงเรือนหรือสิ่งก่อสร้างถัดไปจะเอากับมันยังไง หากเริ่มต้นใหญ่ ผิดพลาด โอกาสแก้ตัวลำบาก บ้านไม่ใช่ถุงเท้าที่ไม่พอใจก็ขว้างทิ้ง เปลี่ยนใหม่ได้ตามอำเภอใจ


ทำเลใกล้ต้นไม้นั้นนับว่าเป็นมงคล สงบร่มเย็น แต่ใบไม้ในหน้าแล้งร่วงหนัก ไหนจะเมล็ด ไหนจะลมแรงช่วงเปลี่ยนฤดู ใจไม่ด้านพอ ห่างไว้นิดนึงก็ดี


ห่างมากไปมันร้อน ร้อนมากๆ


เทียบข้อดีข้อเสียโดยละเอียดแล้ว อยู่ใกล้ต้นไม้มีคุณมากกว่าโทษ


แท็งก์น้ำขนาดใหญ่ที่คิดไว้ว่าสักสองก็คงพอ อยู่ๆ ไปต้องเพิ่มเป็นสี่ และอยู่ๆ ไป สี่ก็ไม่น่าจะพอ


น้ำประปาไม่มีก็ไม่เป็นไร ชีวิตที่ขึ้นอยู่กับฟ้าฝนก็ไม่น่ากลัว พ.ศ. นี้ ยังไงเราพอมั่นใจได้ว่าถึงเวลาฝนมาแน่ๆ เพียงพอแน่ ประเด็นเป็นเรื่องการทำที่กักเก็บ ทำแบบไหน ทำเท่าไร นิสัยและปริมาณการใช้น้ำของแต่ละคนต่างกัน


ความคิดว่าพอ เรื่องอื่นอาจจะใช่ แต่เรื่องน้ำควรเผื่อไว้ให้มาก เพราะแท็งก์ซีเมนต์แข็งแรงนั้นรั่วซึมได้ ก๊อกน้ำ ท่อน้ำ และชักโครกในห้องน้ำนั้นไม่เคยเสถียร ถ้าไม่หมั่นเฝ้ามอง ตรวจตราให้ดี น้ำล้นปรี่ในแท็งก์อาจสูญสลายไปในชั่วข้ามคืน


‘เสร็จกิจ ปิดวาล์ว’ คือคำที่ท่องไว้ในใจ ทุกครั้งที่ใช้ชักโครก รั่วไม่รั่วไม่รู้ แต่กันไว้ก่อน เพราะเจอมาแล้ว สะอื้นมาแล้ว


อย่าท่องคนเดียว มีเพื่อนมาให้บอกเพื่อนด้วย สอนวิธีใช้ให้เพื่อนด้วย (เพื่อนใช้เสร็จ ว่างๆ ก็แวะไปตรวจทานอีกที คนเรามันลืมกันได้ เขาและเธอมาจากบางกอก ที่นั่นน่ะเปิดก๊อกน้ำก็ไหล เขาไม่เข้าใจหรอกว่าเวลาน้ำหมดจากแท็งก์และต้องโทรไปสั่งซื้อน้ำจากหมู่บ้านอื่นให้มาส่งถึงสวนนั้นลำบากอย่างไร)


น้ำในสระเต็มเสมอในหน้าฝน เต็มล้นตลิ่ง แลดูเจริญตาเจริญใจ น่าแหวกว่าย น่านั่งมอง แต่เพียงเดือนเดียว ระดับน้ำในสระที่ลึกสี่เมตรก็ลดฮวบ ลอยกระทงผ่านไป ปีใหม่ยังไม่ทันมา อ้าว น้ำหายไปไหน


สระขุดใหม่ยังไม่อุ้มน้ำ ว่ากันว่าต้องรอสามปี สี่ปี


ว่ากันว่าหรอกนะ อย่าไปเชื่อ อาจสิบปีก็ได้ อาจไม่มีวันนั้นเลยก็ได้


ดิน น้ำ ลม ไฟ ใครมีคาถาอาคมดี สามารถกำหนดมันได้ ก็รบกวนบอกกันบ้าง


เวลาจะตัดหญ้าหรือปลูกต้นไม้ พึงจำไว้ให้มั่นว่าท่อน้ำฝังดินอยู่ตรงไหน ยิ่งซ่อมเองไม่เป็น ยิ่งต้องระมัดระวัง โดนแล้วมันเจ็บใจ


มือที่ไม่คุ้นเคยกับด้ามมีดด้ามจอบนั้นแสนเปราะบาง ฟันหญ้าไม่กี่ทีก็เจ็บ ก็พอง วิธีแก้คือทำบ่อยๆ มือบอบบางจะเริ่มด้าน


แต่ทิ้งระยะนาน ความด้านก็กลับกลาย คืนสู่ความบอบบาง จับจอบอีกก็เจ็บอีก สามวันจากนารีเป็นอื่น สามวันจากด้ามจอบเป็นแผล


ตุ๊กแกยักษ์แค่ไหนก็ไม่น่ากลัวหรอก เพื่อนบ้านที่เป็นตำรวจให้ข้อมูลว่ายังไม่ปรากฏ ยังไม่มีคดีความว่าตุ๊กแกไล่ล่าฆ่าคน ข่มขู่อาจมีบ้าง แต่กัด ขอยืนยันว่าไม่มี


ได้ฟังเรื่องนี้ เพื่อนเราซึ่งเป็นนักสังเกตชีวิตขั้นเทพแย้งตำรวจน่านด้วยท่าทีสุภาพอ่อนโยนว่า อาจเป็นความจริงว่าตุ๊กแกไม่เคยกัดใคร แต่เราเคยสำรวจกันถี่ถ้วนแล้วจริงๆ หรือว่าไม่มีใครเคยช็อกตายเพราะตุ๊กแก


เวลาเข้าห้องน้ำ ถ้ามี… ตุ๊กแกจะอยู่มุมเก่า เข้ากี่ครั้งกี่ครั้งก็อยู่มุมเก่า ถ้าไม่ชอบหน้ามัน เพียงเราส่งเสียงหรือเคาะฝาเบาๆ เจ้าตัวดีก็จะถอยร่นไปหลบในซอกหลืบ อย่ากังวลไปเกินกว่าเหตุ


ปลวก หนู งู และมดนั้นเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือมันมาก็แก้ไปตามอาการ จะใช้ยา ใช้ไม้ ใช้มีด ก็สุดแท้แต่วิจารณญาณและสิ่งที่คว้าฉวยได้


ปลวกเก่งมาก ปลวกพยายามมาก ปลวกขยันมาก เรื่องพวกนี้เราต้องรู้ไว้ หากไม่คิดจะมีชีวิตอยู่ร่วมกับมันต้องหมั่นสำรวจจ้องมอง เจอจะได้จัดการ ฆ่าได้ฆ่า ปลวกไม่ใช่หมีแพนด้า ไม่ต้องเมตตามันมากก็ได้


หนู เท่าที่รู้ มันแพร่พันธุ์ มีลูกหลานในหน้าฝน บ้านที่คนไม่อยู่คือเป้าหมายของมัน ไม่อยู่สองวันมันก็มา มุ้งลวดมันก็กัดขาด


งู เจอทุกฤดูกาล ไม่ข้างบ้านก็ในบ้าน มันไปได้ทุกที่ แม้ว่าไม่มีขา


ส่วนมดนั้นน่าเวียนหัวที่สุด พวกมันมาก จมูกมันไว เพียงข้าวสุกตกดินเมล็ดเดียว นาทีเดียว มดก็เดินทางมาถึง ถ้าเป็นเนื้อสัตว์อาจไม่ถึงนาที ในเขตบ้านป่าบ้านสวนซึ่งไร้สารเคมีและยังเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มดคล้ายมีชีวิตอยู่ทุกตารางนิ้วใต้ผืนแผ่นดิน มีมดชนิดหนึ่งร้ายกาจอย่างยิ่ง น่าสยดสยองอย่างยิ่ง มันชอบมาตอนพลบค่ำ วิ่งเร็วคล้ายลม ปรากฏกายคล้ายผี เรานั่งอยู่บนเตียง ปัดปูเรียบร้อยแล้ว สะอาดสะอ้านพร้อมนอนแล้ว ถ้ามันจะมา มันมาเลย พุ่งพรวดจากไหนไม่ทราบ ไร้ที่มา ส่วนที่ไปก็คือที่นอนของเรา ไล่ตี ตาย อีกสองนาทีเพื่อนมันก็มาอีก มาจากไหนไม่ทราบ ไร้ที่มา ส่วนที่ไปก็คือที่นอนของเรา ไล่ตี ตาย อีกสองนาทีเพื่อนมันก็มาอีก ตัวมันโต วิ่งเหมือนบิน มีบุคลิกชัดเจนคือไม่กัด แต่นึกออกใช่ไหมว่าคนจะนอน จะปิดไฟก็ไม่กล้า กลัวมันมาอีก จะไม่ปิด ถึงเวลานอนแล้วจะมานั่งรอมดก็คงโรคจิตเกินไป


มดชนิดนี้ไม่ได้มาหาอาหาร บ้านนี้ ห้องนี้ไม่เคยมีอาหาร กฎเหล็กระดับรัฐธรรมนูญคือไม่นำอาหารเข้าบ้าน แข็งขันมั่นคงขนาดนี้ มันนึกอยากมามันก็มา คืนที่อากาศดีมาก เย็นน่าอยู่ หนาวน่านอนซุกผ้าห่ม เงียบสงบ ข้างนอกแสงดาวพราว ลมโบกอ่อนๆ แมลงกลางคืนส่งเสียงเบาบาง โอ… ช่างเป็นวันเวลาที่งดงาม ช่างเป็นบ้านสวนที่งดงาม แต่ปีศาจมดที่จู่ๆ ก็ทะลึ่งพรวดไต่ขาเราขึ้นมาถึงท้องก็คล้ายจะร่ำร้องบ่งบอกว่า –อย่าๆ อย่าสุขสบายเกินไป ไม่มีหรอก ชีวิตที่สมบูรณ์น่ะ ไม่มีหรอก ความสุขอันเป็นนิรันดร์น่ะ


คิดได้ดังนี้แล้วก็จับมดมาบี้ ถ้าจับทัน และยิ้มในความมืด


รุ่งเช้า มดปีศาจหายไป เพื่อว่าจะกลับมาใหม่ในยามพลบ เอายังไงก็ได้ จะเอายังไงก็เอา เอาที่พวกพี่สบายใจ


แมงมุมชักใยเร็วมาก จุดไหนเว้นว่าง ไม่ได้เดินเล่น ไม่นานจะเป็นบ้านแมงมุม ธันวาคมเป็นเดือนที่มีแมงมุมชุมที่สุด


นกหน้าหนาวร่าเริง


ในความมืด ในความโดดเดี่ยว ในคืนเปลี่ยวที่กำลังเดินหาสัญญาณโทรศัพท์ข้างต้นกล้วย ถ้ามีมือที่มองไม่เห็นพุ่งพรวดมาตะปบเกี่ยวคอ อย่าคิดว่าเป็นผีสางนางพรายที่ไหน มันคือนังอ้อน แมวสาวนิสัยไม่ดี (เวร–จะมาจะไปก็บอกกันบ้าง ยิ่งกลัวๆ อยู่)


ถ้ามีใครถามว่าน่านหนาวไหม ให้บอกว่าไม่รู้ คำว่าน่านมันตั้งกว้างใหญ่ ในเมืองกับบนดอยก็เป็นคนละโลก ตอนเที่ยงกับตอนค่ำก็คนละเรื่อง และหนาวคุณกับหนาวใครมันก็ไม่เหมือนกัน


เอาแน่เอานอนกับความหนาวไม่ได้เลย ร้อนๆ อยู่ โคตรร้อนในตอนเที่ยง แต่ตกเย็นก็เกิดหนาวขึ้นมาดื้อๆ รุ่งเช้าอีกวันสั่นสะท้าน ขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านต้องสวมเสื้อสี่ตัว พร้อมหมวก ผ้าพันคอ


กองไฟคืออาหารมื้อที่สี่


ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่ตกเย็น ไม่ควรละลืมนั่งเล่นข้างกองไฟ


ปิ้งย่างเผือกมันและเนื้อสัตว์บางชนิด ถ้านึกสนุก


หยิบกีตาร์มากอด ถ้าคิดถึงคนรัก ควันไฟหอม ดวงดาวในคืนหนาวมีรสหวาน


ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่ายี่สิบ ไวน์แดงหรือเหล้าป่าดูเหมือนว่าจะดีกว่าเบียร์


ไม่เหงาเหรอ–คำถามนี้ได้ยินอยู่เรื่อย


ไม่รู้จริงๆ …โง่ขนาดนั้น–ผมมักจะตอบทีเล่นไปทำนองนี้


ตอบเล่นเพราะรู้ว่าคนถามไม่ได้หวังสาระอะไรจริงจัง


ถ้าต้องตอบจริง… คนนะครับ ไม่ใช่ยุง มันก็คงหิว คงง่วง คงร้อน คงหนาว คงเบื่อ คงอยาก คงรัก คงใคร่ เหมือนใครๆ เหมือนกับทุกๆ คน เหงาไหม มันก็คงต้องเหงาบ้าง อยู่คนเดียวกลางป่าเขาดงดอย แต่เหงาแล้วไง มีใครเขาบังคับให้มาอยู่ อีกอย่างหนึ่ง ผมไม่คิดว่าสถานที่มีผลขนาดนั้น (มีสิ ไม่ใช่ไม่มี) แต่นึกออกใช่ไหมว่าถ้าจะเหงา เดินอยู่ใจกลางสยามสแควร์มันก็เหงา อยู่คนเดียวในคอนโดฯ กลางกรุง หรือเอนหลังละเลียดแจ๊ซหวานฉ่ำ จิบสุรารสเลิศข้างสระน้ำบนเพนต์เฮาส์ ยามจะเหงา คนเรามันหักห้ามอารมณ์ความรู้สึกได้ซะที่ไหน


ฆ่าตัวตายไปเลย–จะเอาแบบนั้นเหรอ


หรือหาวิธีมีชีวิตอยู่


หางานทำ ใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่มีคุณค่าเพื่อทำให้ชีวิตมีคุณค่า


ว่ากันไปตามรสนิยม เรื่องแบบนี้เราไม่ก้าวก่ายสิทธิเสรีภาพกันหรอก


ใครอยากมีชีวิตแบบไหนก็ทำเอา ใครอยากอยู่ป่า/อยู่เมือง ก็เลือกเอา


บ้านน่ารักดีนะ–เวลาได้ยินใครพูดคำนี้ ให้ยิ้มรับและสำนึกเสมอว่าเขาพูดเล่น จะนอนยังแทบไม่พอ มันจะน่ารักไปได้ยังไง


โดยทั่วไป เมือง ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นป่า และป่า วันหนึ่งย่อมจะกลายเป็นเมือง โลกมันเป็นเช่นนี้เอง สวนไผ่รำเพยก็เป็นเช่นนี้เอง


อย่ารอ ถ้ามีเพื่อนบอกว่าจะมาๆ อยากมาเที่ยว มาหา เขาและเธอไม่ได้โกหก แต่บ้านเรามันไกล.

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising