ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (K-Research) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2562 โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP จะขยายตัว 4% ขณะเดียวกันได้ปรับประมาณการ GDP ปี 2561 เติบโต 4.3% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 4.6% คาดเศรษฐกิจชะลอตัวสอดคล้องกับหลายสำนักที่มองไปในทิศทางเดียวกันขณะนี้
ดร.ศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ K-Research ให้ความเห็นว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนจะยังคงยืดเยื้อ แม้ล่าสุดทั้งสองประเทศจะผ่อนคลายสถานการณ์ด้วยการ ‘พักรบ’ ด้านนโยบายกีดกันการค้าเป็นเวลา 90 วันก็ตาม
ดร.ศิวัสน์ประเมินว่า ข้อตกลงที่ชัดเจนจะไม่แล้วเสร็จในช่วงเวลาดังกล่าว และมองเรื่องนี้เป็นเกมยาวที่อาจลากนานถึง 2 ปีจนกว่าจะสิ้นรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ สิ่งที่น่าจับตาคือ ประเด็นการแข่งขันด้านเทคโนโลยีระหว่างสองชาติ ซึ่งขณะนี้จีนมีอัตราการเติบโตของสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อย่างก้าวกระโดดและสหรัฐอเมริกาก็พยายามขัดขวางเรื่องนี้อย่างเต็มที่ นี่อาจเป็นสาเหตุสำคัญในเชิงโครงสร้างและความมั่นคงต่ออำนาจของสหรัฐอเมริกา ที่ทำให้สงครามการค้าไม่จบลงง่ายๆ เป็นไปได้ที่สินค้าจากจีน โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีจะทะลักเข้ามาในตลาดอาเซียนแทน ดร.ศิวัสน์ประเมินการส่งออกไทยปี 2562 เติบโต 4.5% และอาจจะได้รับผลกระทบการความขัดแย้งของสองชาติมหาอำนาจมูลค่า 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1 แสนล้านบาท
ขณะที่ K-Research ประเมิน GDP ของจีนจะขยายตัว 6.6% ในปีนี้ และขยายตัวชะลอลงที่ 6.2% ในปี 2562 ซึ่งถือว่าเติบโตน้อยที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ซึ่งจะมีผลต่อกำลังซื้อและภาพรวมการค้ากับประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ สอดคล้องกับที่องค์การการค้าโลกประเมินภาพรวมการค้าโลกปีหน้าเติบโตที่ 3.7% เท่านั้น ขณะที่การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยน่าจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจ คาดว่าจะเติบโต 5% ซึ่งโครงการขนาดใหญ่โดยเฉพาะโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อว่าจะผ่านการพิจารณาได้ก่อนการเลือกตั้งในต้นปี 2562 และจะช่วยให้การกระจายเม็ดเงินสู่ระบบทำได้ดีและเป็นรูปธรรมมากกว่าที่เป็นมา
สำหรับภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวชาวจีนยังถือเป็นสัดส่วนที่สำคัญ แต่อาจจะไม่เติบโตอย่างร้อนแรงอีกในปีหน้า เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนในปี 2561 นี้สูงแตะ 10.4 ล้านคน ดังนั้นตัวเลขปีหน้าอาจจะไม่ต่างจากเดิมนักหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 10.7 ล้านคน นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ ทั้งอาเซียน ญี่ปุ่น หรือรัสเซียมีศักยภาพและมีแนวโน้มเพิ่มสัดส่วนมากขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอาจจะยังไม่กลับมาเติบโต เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันตกต่ำ ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศเหล่านี้ ทำให้กำลังซื้อและความต้องการเดินทางท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ
K-Research คาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีวันที่ 19 ธันวาคมนี้ เพื่อสร้างขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายทางการเงิน (Policy Space) และอาจรอดูสถานการณ์จนถึงกลางปี 2562 ก่อนที่จะพิจารณาสถานการณ์และพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED จะเป็นไปในรูปแบบที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่ากดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงในกรอบ 32-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปี 2562
ประเด็นที่ยังน่าเป็นห่วงคือ ราคาสินค้าเกษตรที่ยังตกต่ำเนื่องจากอุปทานในตลาดโลกยังล้นเกิน และทิศทางราคาน้ำมันมีผลต่อกำลังการผลิตและอุปสงค์ต่อพืชผลทางการเกษตรสำคัญหลายรายการ ทำให้เกษตรกรยังจะได้รับผลกระทบต่อเนื่อง และรัฐบาลอาจเข้ามาประคับประคองสถานการณ์เช่นเคย ขณะที่หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง K-Research คาดว่าสินเชื่อรายย่อยเพื่อการอุปโภคบริโภคจะชะลอตัวชัดเจน ขณะที่สินเชื่อรถและสินเชื่อบ้านก็จะเติบโตชะลอตัวเนื่องจากฐานในปี 2561 นี้ค่อนข้างสูงแล้ว
K-Research เน้นย้ำว่า ตัวเลขคาดการณ์ทั้งหมดข้างต้นคำนวณจากสมมติฐานที่ประเทศไทยมีการเลือกตั้งตามโรดแมปและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เรียบร้อย หากเกิดประเด็นติดขัดด้านการเมืองขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- K-Research