เจาะความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ทองคำ’ และ ‘เงินบาท’ พร้อมเปิดเหตุผล ทำไมทองคำถึงทำให้บาทแข็ง ‘มากกว่า’ สกุลเงินภูมิภาคอื่นๆ จนนำมาสู่ 3 มาตรการรับมือ ‘บาทแข็ง’ ของทางการไทย ได้แก่ (1.) ร้านทองเตรียมรายงานข้อมูลธุรกรรมการซื้อขายทองบนแพลตฟอร์มให้ ‘กรมสรรพากร’ (2) กรมสรรพากรเล็งเก็บ ‘ภาษีธุรกิจเฉพาะ’ สำหรับการซื้อ-ขายทองคำผ่านแพลตฟอร์ม (3.) แบงก์ชาติจ่อกำหนดเพดานปริมาณการซื้อ-ขายทองคำ
ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เปิดปัจจัยดัน ‘บาทแข็ง’ จับตากระแสเงินขายดอลลาร์-ซื้อบาท
โดยวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศของบริษัททองคำ เป็นหนึ่งในแรงกดดัน ‘หลัก’ ที่ทำให้เงินบาทแข็ง โดยอธิบายว่า การแข็งค่าของเงินบาทมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด (Surplus Current Account) และอีกปัจจัยคือ ‘กระแสเงินทุน (Flow) ที่มาจากการขายดอลลาร์และซื้อบาท’
‘แบงก์ชาติ’ เปิดตัวเลขธุรกรรมการแลกเงิน พบ ‘ทองคำ’ ครองสัดส่วนสูง
ผู้ว่าการธปท. ยังเปิดเผย ธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศสุทธิของผู้เล่นกลุ่มต่างๆ ช่วงที่เงินบาทแข็งค่าในปี 2568 โดยพบว่า ในช่วงวันที่ 11 – 15 ธันวาคม ที่เงินบาทแข็งหลุด 31.8 บาทต่อดอลลาร์ไป สัดส่วนธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับทองคำมีสัดส่วนถึง 45% ของธุรกรรมการซื้อขายเงินตราต่างประเทศทั้งหมด (เทียบกับปริมาณธุรกรรมซื้อขาย USDT คิดเป็นเพียง 1.22% ของยอดธุรกรรมการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ)

จับตา ‘รายได้ร้านทอง’ พุ่งต่อเนื่อง คาดทะลุ 50% ของ GDP ในปี 2568
นอกจากนี้ ผู้ว่าการธปท.ยังชี้ให้เห็นว่า ทองคำกำลังเป็นสินทรัพย์ที่มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนจากรายได้ผู้ค้าทองคำรายใหญ่สุด 15 ราย ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากระดับ 17% ต่อ GDP ในปี 2563 เป็น 39% ต่อ GDP ในปี 2567 และคาดว่าจะเกิน 50% ต่อ GDP ในปี 2568
ทั้งนี้ รายได้ของผู้ค้าทองคำ 15 รายแรก คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดประมาณ 96% ของรายได้ธุรกิจทองคำทั้งหมด ตามข้อมูลจากรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

ทองคำมีการซื้อขาย-ลงทุนเพิ่ม คนไทยเทรดทองคำ ‘สูงกว่า’ เทรดหุ้น
ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติกล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีธุรกรรมการซื้อขายหรือลงทุนเพิ่มขึ้นมาก โดยเมื่อไปดู มูลค่าการซื้อขายทองคำในประเทศ ‘สูงกว่า’ กับการลงทุนในหุ้น
โดยในปี 2568 ทองคำมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน อยู่ที่ 65,937 ล้านบาท และมีมูลค่าซื้อขายรายวันสูงสุดที่ 255,566 ล้านบาท
ขณะที่ ในปี 2568 มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน อยู่ที่ 42,417 ล้านบาท และมีมูลค่าซื้อขายรายวันสูงสุดที่ 74,437 ล้านบาท
ทำไม ทองขึ้นกระทบ ‘เงินบาท’ มากกว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาค
ผู้ว่าการธปท. กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้น 9.4% YTD นำสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค โดยเป็นรองเพียงมาเลเซียเท่านั้น ที่แข็งค่า 9.5% YTD โดยการแข็งค่าส่วนใหญ่ของปีนี้ เกิดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ เนื่องจาก ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา บาทแข็งค่าแล้วกว่า 4.2%
“เงินบาทค่อนข้างจะแข็งนำภูมิภาค และเร็วมาก รวมถึงไม่สะท้อนปัจจัยทางเศรษฐกิจ” วิทัย กล่าว

ผู้ว่าการธปท. ยังเผยว่า เงินบาทเคลื่อนไหวสัมพันธ์กับราคาทองคำ (Correlation) มากกว่าสกุลเงินอื่น ในภูมิภาค ส่งผลให้ค่าเงินบาทผันผวนสูงตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ
โดยจาการเก็บข้อมูลการเคลื่อนไหวของเงินสกุลภูมิภาคและราคาทองคำ (ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2568) พบว่า ค่าความสัมพันธ์ของราคาทองคำ (Correlation) ของสกุลเงินในภูมิภาคมี ดังนี้
- ไทย 65%
- เกาหลีใต้ 35%
- จีน 29%
- อินโดนีเซีย 29%
- อินเดีย 20%
- มาเลเซีย 15%

เปิดพฤติกรรม ‘เทรดทองคนไทย’ เพื่อทำความเข้าใจ Correlation Trade
โดยก่อนหน้านี้ ธปท. ยังเคยอธิบาย ในช่วง 2-3 ปีหลัง Correlation Trade หรือธุรกรรมซื้อ-ขายเงินบาทตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ‘เพิ่มขึ้นมาก’ ซึ่งสาเหตุมาจากพฤติกรรมการซื้อ-ขายทองคำของคนไทย ดังนี้
โดยเมื่อราคาทองเพิ่มขึ้น คนไทยจะขายทอง ทำให้ร้านทองต้องไปขายทองคำในตลาดต่างประเทศ และเมื่อได้เงินตราต่างประเทศจึงนำมาแลกเป็นเงินบาท ทำให้การแข็งค่าของเงินบาทรุนแรงขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สรุป! 3 มาตรการสกัด ‘บาทแข็ง’ กรมสรรพากรเล็งเก็บ ‘ภาษีธุรกิจเฉพาะ’ จากการขายทองคำแท่งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
- ใครได้-ใครเสีย? เงินบาทแข็งไม่หยุด! แตะ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ ทุบเศรษฐกิจไทยแค่ไหน?
- เปิดพฤติกรรม ‘เทรดทองคนไทย’ ซื้อขายทองด้วยสกุลบาท-ดอลลาร์ ‘ครึ่งๆ’ ธปท.เผยจ่อหารือร้านทอง แก้บาทแข็ง ต้นสัปดาห์หน้า
ก.ล.ต. ยืนยันเทรด คริปโทฯ ไม่กระทบบาทแข็ง
พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ธุรกรรมการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. มีปริมาณธุรกรรมซื้อขาย USDT คิดเป็นเพียง 1.22% ของยอดธุรกรรมการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ซึ่งมีจำนวนรวมที่ 29.1 ล้านล้านบาท
ขณะที่ยอดการแลกเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นเงินบาทของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ที่ 0.17%
ดังนั้น ธุรกรรมการซื้อขาย USDT จึงไม่ได้มีนัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินตามที่มีการตั้งข้อสังเกตในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. จะติดตามภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงธุรกรรมการซื้อขายผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงนำมาสู่ มาตรการสกัด ‘การแข็งค่าของเงินบาท’ ของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งได้แก่ (1.) การให้ร้านทองเตรียมรายงานข้อมูลธุรกรรมการซื้อขายทองบนแพลตฟอร์มให้ ‘กรมสรรพากร’ (2) กรมสรรพากรเล็งเก็บ ‘ภาษีธุรกิจเฉพาะ’ สำหรับการซื้อ-ขายทองคำผ่านแพลตฟอร์ม (3.) แบงก์ชาติจ่อกำหนดเพดานปริมาณการซื้อ-ขายทองคำ


