วันนี้ (18 ธันวาคม) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พล.ร.ต. สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากระดมยิงจรวด BM-21 กว่า 100 นัด ใส่พื้นที่เกษตรและชุมชนพลเรือนในจังหวัดสระแก้วอย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียหายวงกว้างกว่า 1,000 ไร่ ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง
ด้าน พ.อ. ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า ปัจจุบันทหารไทยเสียชีวิตจากการปะทะรวม 21 นาย โดยเฉพาะที่ยุทธภูมิเนิน 350 ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ที่มีการรบอย่างหนักหน่วงและยังมีร่างทหารอีก 2 นายที่ยังไม่สามารถนำออกมาได้ กองทัพบกยืนยันจะโจมตีให้ฝ่ายตรงข้ามสิ้นสภาพทางทหาร เพื่อยับยั้งการรุกล้ำและทำลายฐานยิงที่มุ่งเป้าใส่ประชาชนไทย
ขณะที่พื้นที่จังหวัดตราด ร.ท.หญิง นภัสกร ทิพย์โส ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยการตรวจพบหลักฐานสำคัญหลังเข้ายึดคืนพื้นที่บ้าน 3 หลัง โดยพบคลังทุ่นระเบิดสังหารบุคคลดัดแปลงจากทุ่นระเบิดดักรถถัง 16 ลูก และกระจายอยู่โดยรอบพื้นที่ การกระทำนี้เป็นการจงใจสร้างอันตรายแบบไม่ระบุเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและอนุสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง โดยกองทัพเรือย้ำว่าไทยจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยของรัฐและประชาชนภายใต้หลักสากลอย่างเคร่งครัด
ด้านการรักษาความสงบภายใน พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าการจับกุมกลุ่มชาวกัมพูชา 3 ราย จากทั้งหมด 10 ราย ที่พกพาวัตถุระเบิดสร้างสถานการณ์ก่อกวนในจังหวัดชลบุรี เพื่อหวังให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชน โดยยืนยันว่าผู้กระทำผิดต้องชดใช้สิ่งที่ทำด้วยโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี และจะถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศตลอดไป ส่วนอีก 7 รายที่เหลือเจ้าหน้าที่ทราบตัวหมดแล้วและกำลังเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายไทยให้ถึงที่สุด
สำหรับมาตรการช่วยเหลือพลเรือน มาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงกรณีชาวไทยตกค้างในปอยเปตภายหลังกัมพูชาประกาศระงับการเดินทางข้ามแดนทางบก ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับหลักสากล โดยไทยพร้อมอำนวยความสะดวกการเดินทางกลับทางอากาศอย่างเต็มที่ และได้ประสานผ่านข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเพื่อชี้แจงกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น พร้อมย้ำให้คนไทยที่เดือดร้อนติดต่อสถานทูตเพื่อรับการช่วยเหลือเร่งด่วน
นอกจากนี้ มาระตียังเผยถึงความสำเร็จในการที่ไทยเป็นเจ้าภาพประชุม ‘หุ้นส่วนระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต’ ร่วมกับ UNODC โดยมี 59 ประเทศเข้าร่วม มีผลลัพธ์สำคัญของการประชุม คือ ‘ถ้อยแถลงร่วมกรุงเทพ’ เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกันในการต่อต้านภัยคุกคามระดับโลก และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานปฏิบัติของประเทศต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม


