วันนี้ (16 ธันวาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุมเห็นชอบ เรื่องคำถามการทำประชามติเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมความเห็นของ ครม. และกฤษฎีกา ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีอดีต กกต. เห็นแย้งเรื่องเวลาการทำประชามติพร้อมวันเลือกตั้งว่าไม่เพียงพอ เพราะระยะเวลาไม่ถึง 60 วัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราทำตามกฎระเบียบทุกอย่าง มติ ครม. คือส่งไปให้ กกต. ดำเนินการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการทำประชามติเรื่องยกเลิก MOU 43-44 ครม. มีมติอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีความเห็นของ ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าหากทำประชามติเรื่องนี้อาจจะมีผลผูกพันกับรัฐบาลหน้า และเมื่อมีการหารือแล้ว เพื่อไม่เกิดให้ความเสี่ยงก็ถอนเรื่องออกไปก่อน ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาจะทำเรื่องชี้แจงต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ได้รายงานเรื่องผลหารือกับ กกต. โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 สามารถทำได้หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า เราทำตามกติกา ถือว่าตอนนี้ยุบสภาแล้ว เราก็ไม่สามารถที่จะนำงบกลางมาใช้ได้ ต้องรอให้สภาพของรัฐบาลกลับมาเป็นรัฐบาลปกติ
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความกังวลที่ขณะนี้ใกล้จะมีการเลือกตั้งว่า ตอนนี้ตนกังวลเรื่องสถานการณ์ชายแดน และกังวลว่าจะทำอย่างไรให้หาดใหญ่ฟื้นฟู ตอนนี้คนกลับบ้านได้แล้ว แต่ภาคธุรกิจยังต้องฟื้นฟู ซึ่งเมื่อสักครู่ได้เร่ง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในเรื่องของซอฟต์โลน เพื่อให้ประชาชนไปฟื้นฟู อย่างน้อยเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย หลังคาเรือนละ 100,000 บาท เป็นค่าซ่อมแซมบ้านเรือน และทรัพย์สินที่เสียหาย ต้องเร่งดำเนินการเรื่องนี้ เพราะแค่ 9,000 บาทจากการเยียวยานั้นไม่เพียงพอ
ส่วนกรณีค่าเงินบาทแข็งตัวสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง ได้ให้นโยบายอย่างไรบ้าง เนื่องจากกระทบการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้บอก ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้หารือกับแบงก์ชาติ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการประชุม ครม. วันนี้ เป็นการประชุมนัดแรกหลังการยุบสภา ได้กำชับอะไรในที่ประชุมบ้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กำชับให้ขยันทำงาน เรื่องหาเสียงก็ทำไป แต่ต้องไม่ใช้เวลาราชการ สภาพความเป็นรัฐมนตรีก็ยังมีอยู่ จนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ดังนั้นยังอยู่กันอีกหลายสัปดาห์ ในการบริหารราชการแผ่นดินต้องไม่ชะงัก และจะต้องทำอย่างเต็มที่ ไม่ใช่คิดถึงแต่เรื่องหาเสียง เพราะนั่นเป็นเรื่องของตัวเอง แต่ต้องคิดถึงบ้านเมืองและภาพรวมเป็นหลัก






