เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย หลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ ได้ลงพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อประสานงานร่วมกับฝ่ายความมั่นคงของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
คณะทำงานร่วม 3 สัญชาติ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายหลัก 2 แห่ง ได้แก่ KK Park และ ชเวก๊กโก ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะฐานบัญชาการใหญ่ของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จากการตรวจสอบพบว่า อาคารสูงและสำนักงานที่เคยเป็นแหล่งกบดานของกลุ่มมิจฉาชีพ ได้ถูกทางการเมียนมาดำเนินการทุบทำลายทิ้งอย่างถาวรจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง เพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ในการ ตัดรากถอนโคน และป้องกันไม่ให้กลุ่มจีนเทาหรือเครือข่ายสแกมเมอร์สามารถกลับมาใช้สถานที่เหล่านี้เป็นฐานปฏิบัติการได้อีก
ต่อมาในเวลา 14.20 น. ณ ห้องประชุมสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ฝั่งเมียนมา ได้มีการจัดประชุมไตรภาคี โดยมีผู้แทนระดับสูงจากทั้ง 3 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช (ไทย), พล.ต.ต.มิน ไทก์ เมียว (Min Htike Myo) รองผู้บัญชาการตำรวจเมียนมา (เมียนมา) และ หลิวจงอี้ (จีน)
ที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลงและกำหนดมาตรการขั้นเด็ดขาดร่วมกัน ดังนี้:
- จัดตั้งกลไกแลกเปลี่ยนข้อมูล: ประเทศไทยจะใช้กลไกของ ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) เป็นศูนย์กลาง (Hub) ในการรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูล
- ตั้งคณะทำงานร่วม (Joint Task Force): เพื่อแลกเปลี่ยนพยานหลักฐานและขยายผลเครือข่ายภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง โดยยึดหลักการ อาชญากรรมไร้พรมแดน การปราบปรามต้องไร้พรมแดน
- ตัดวงจรปัจจัยพื้นฐาน: ดำเนินนโยบายตัดระบบสาธารณูปโภค ทั้งกระแสไฟฟ้าและสัญญาณอินเทอร์เน็ต ในพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
- ลดขั้นตอนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน: อำนวยความสะดวกในการส่งตัวกลุ่มชาวต่างชาติที่หลบหนีออกจากเมียนมากลับประเทศต้นทาง เพื่อความรวดเร็ว ลดภาระเจ้าหน้าที่ฝั่งไทย และรับรองความปลอดภัยของทุกฝ่าย
ผลสืบเนื่องจากการรื้อถอนฐานที่มั่น ทำให้กลุ่มสแกมเมอร์ชาวจีนจำนวนมากที่พยายามหลบหนีออกจากพื้นที่ ถูกเจ้าหน้าที่ทางการเมียนมาจับกุมตัวไว้ได้ โดยหลิวจงอี้และคณะ ได้เดินทางไปตรวจสอบห้องกักตัวในเมืองเมียวดี ซึ่งขณะนี้มีผู้ต้องหาชาวจีนถูกควบคุมตัวอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อรอเข้าสู่กระบวนการผลักดันและส่งตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายที่สาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป









