“ในช่วงครึ่งปีแรก 2025 ถือเป็นช่วงต่ำสุดของธุรกิจร้านอาหาร โดยเฉพาะไตรมาส 2 ยอดขายต่อร้านหดตัวหนัก -14% จากนั้นเริ่มกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 โต 1% และไตรมาส 4 โต 5% จากแรงหนุนของโครงการคนละครึ่งพลัสที่ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายคึกคักมากขึ้น” ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าว
โดยเฉพาะการกระจายสู่ร้านอาหารรายเล็ก ที่นับรายได้น้อยกว่า 10,000 บาทต่อเดือน เติบโตได้จริง มียอดขายเติบโตเกือบ 6 เท่า เมื่อเทียบกับยอดขายช่วงก่อนโครงการ ส่วนร้านขนาดกลาง ที่มีรายได้มากกว่า 10,000 บาทต่อเดือน เติบโต 2 เท่า แสดงให้เห็นได้ว่าการอัดฉีดของรัฐทำให้เม็ดเงินไหลสู่ร้านรายย่อยอย่างชัดเจน หรือแม้แต่ฝั่งไรเดอร์เองก็ได้อานิสงส์จากโครงการ โดยมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15–25% ตามปริมาณออเดอร์ต่อวันที่สูงขึ้น
เช่นเดียวกับ LINE MAN เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มเดลิเวอรีของโครงการคนละครึ่งพลัส โดย 65% ของร้านที่เข้าโครงการเลือกขายบนแพลตฟอร์มและทำยอดขายคนละครึ่งพลัส คิดเป็น 63% มากที่สุดในตลาด โดยภายใน 3 สัปดาห์แรกของโครงการ มียอดออเดอร์คนละครึ่งรวมกว่า 8 ล้านออเดอร์
ขณะที่ยอดขายร้านค้าทั่วประเทศ เติบโตเฉลี่ย 4.2 เท่า และเติบโตสูงสุดมากกว่า 10 เท่า สูงกว่าโครงการคนละครึ่งในรอบที่ผ่านมา ที่สำคัญร้านค้าได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 22% และมีความถี่ในการสั่งบ่อยขึ้น 30% และมูลค่าต่อบิลโต 15%
เมื่อเจาะลึกลงมาถึงเมนูที่มียอดสั่งสูงสุดผ่านแคมเปญคนละครึ่งพลัสบน LINE MAN 5 อันดับแรก ได้แก่ ชาไทย, ตำปูปลาร้า, ชาเขียวนม, โกโก้ และ ตำป่า รวมถึงเมนูมัทฉะ เครื่องดื่มที่กำลังเป็นเทรนด์มาแรง มียอดสั่งพุ่งกว่า 6.5 ล้านแก้ว เติบโตทะลุ 300% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งกลายเป็นเครื่องดื่มที่เติบโตเร็วที่สุดบนแพลตฟอร์ม
อีกทั้งยังทำให้เกิดเมนูจัดหนัก ที่มียอดบิลสูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ แซลมอน, ทุเรียนหมอนทองแกะเนื้อ, กุ้งเผา, ปูไข่นึ่ง และหมูหัน มูลค่าบิลสูงสุดแตะ 1,700 บาท ซึ่งแสดงว่าผู้บริโภคมองโปรโมชันจากรัฐเป็นโอกาสลองของแพง และทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าโครงการคนละครึ่งพลัสช่วยขยายฐานผู้ใช้และกระตุ้นกำลังซื้ออย่างชัดเจน
รวมถึงตลาดต่างจังหวัดในช่วงไตรมาส 4 ภาพรวมตลาดร้านอาหารฟื้นตัวแรงกว่ากรุงเทพฯ โดยยอดขายต่อร้านต่างจังหวัดโตเฉลี่ย 7% สวนทางกับกรุงเทพฯ ที่โตเพียง 2% โดยเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างเชียงใหม่ โต 9%, พัทยา โต 12% และภูเก็ต โต 7% ถือเป็นการเริ่มฟื้นตามการกลับมาของนักท่องเที่ยว
อีกทั้งผลพวงจากคนละครึ่งพลัส ดันยอดขายร้านต่างจังหวัดโตสูง จังหวัดที่ทำผลงานโดดเด่น มียอดขายร้านเติบโตสูงที่สุด เมื่อเทียบกับยอดขายช่วงก่อนโครงการ ได้แก่ จันทบุรี โต 9.4 เท่า, หนองบัวลำภู โต 9.3 เท่า, อุตรดิตถ์ โต 8 9 เท่า, อุดรธานี โต 8 เท่า และเชียงราย โต 7 เท่า
แม้ตลาดภาพรวมจะเริ่มฟื้นช่วงสิ้นปี แต่กรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ที่ฟื้นตัวช้าที่สุด โดยโซนฮอตสปอต หลายย่านยังมียอดขายติดลบ ได้แก่ ย่านธุรกิจสุขุมวิท-สีลม-สาทร ที่มียอดขายต่อร้าน -19% ในไตรมาส 2 และแม้ดีขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม–พฤศจิกายน แต่ยังติดลบเล็กน้อยที่ 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ไม่เว้นแม้แต่ ย่านบรรทัดทอง ชะลอตัวหนักที่สุด ติดลบถึง 35% ในไตรมาส 2 และยังติดลบ 21% ในช่วงปลายปี ส่วนร้านในห้าง เริ่มเห็นสัญญาณบวก ยอดขายช่วงไตรมาส 2 ลดลง 21% แต่ดีดตัวขึ้นมาบวก 1% ในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวในกรุงเทพฯ ที่พลิกกลับมาบวกได้ในช่วงปลายปี
ถึงกระนั้นธุรกิจร้านอาหารยังเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง แม้ในครึ่งปีหลังจะมีร้านอาหารเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 3% แต่อัตราร้านที่ปิดตัวลงยังอยู่ที่ 50% สะท้อนให้เห็นว่าตลาดร้านอาหารยังมีการแข่งขันกันอย่างหนักและยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว มีผลต่อพฤติกรรมคนไทยที่จะเลือกกินคุ้มค่ามากขึ้น โดยจะเลือกซื้อเมนูราคาจับต้องได้ ทำให้กลุ่มเมนูยอดบิลต่ำกว่า 500 บาทได้รับผลกระทบน้อยกว่า ยอดขายต่อร้านลดลงเพียง 12% ในไตรมาส 2 ก่อนจะกลับมาโต 5% ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน แต่ในทางตรงกันข้าม เมน ที่ยอดบิลสูงกว่า 500 บาทถูกกดดันหนักและโตน้อยกว่าเมนูราคาถูก แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อระดับกลางยังรัดเข็มขัดต่อเนื่อง
ด้านตลาดฟู้ดเดลิเวอรีโดยรวมยังอยู่ในทิศทางเติบโตต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เข้าถึงบริการได้ง่ายมากขึ้น โดยประเมินว่าตลาดน่าจะขยายตัวราว 15% ต่อปี ขณะที่ LINE MAN ตั้งเป้าเติบโตเร็วกว่าตลาด โดยหวังสร้างการเติบโตอยู่ที่ 20% ต่อปี
ในมุมแนวโน้มปี 2569 ผู้บริหาร LINE MAN Wongnai มองว่า หากรัฐบาลเดินหน้าโครงการคนละครึ่งต่อ จะมีส่วนช่วยเพิ่มกำลังซื้อและกระตุ้นยอดสั่งอาหารออนไลน์ได้พอสมควร อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามว่าเกณฑ์ร้านอาหารที่เข้าร่วมจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ รวมถึงวงเงินงบประมาณรวมของโครงการ ซึ่งอาจส่งผลโดยตรงต่อการวางแผนต้นทุนของแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะการลดค่า GP ที่ธุรกิจต้องประเมินผลกระทบและเงินลงทุนเพิ่มเติม
แต่หากโครงการได้รับการอนุมัติทันช่วงไตรมาส 1 ปี 2569 คาดว่าจะช่วยสร้างบรรยากาศจับจ่ายให้คึกคักขึ้น แม้ปัจจัยด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นอีกแหล่งรายได้สำคัญของภาคบริการจะยังไม่เห็นสัญญาณบวกมากนัก โดยภาพรวมยังคงซบเซา ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการจึงขอเสนอให้รัฐบาลเร่งผลักดันเรื่องความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นและช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้กลับมาโตในระยะยาว


