ศาลฎีกา หรือศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกาเตรียมพิจารณาตัดสินคำร้องของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้ยุติการให้สัญชาติโดยกำเนิด (Birthright Citizenship) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปราบปรามการเข้าเมืองผิดกฎหมายของรัฐบาลสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน โดยคาดว่า ศาลสูงสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะรับฟังการแถลงด้วยวาจาในช่วงต้นปีหน้า และจะมีคำวินิจฉัยในเดือนมิถุนายน 2026
ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหาร (Executive Order) เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกที่เขากลับเข้ามารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 โดยมีคำสั่งว่า บุตรที่เกิดในสหรัฐอเมริกาแก่บิดามารดาที่อยู่ในประเทศ ‘อย่างผิดกฎหมาย’ หรือด้วย ‘วีซ่าชั่วคราว’ จะไม่กลายเป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยอัตโนมัติ
คำสั่งนี้ถูกระงับไม่ให้มีผลบังคับใช้ หลังจากที่ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางตัดสินว่าขัดต่อฝ่ายบริหารในคดีความหลายคดี โดย จอห์น คูเกนฮาวเออร์ ผู้พิพากษาศาลแขวง ได้กล่าวถึงคำสั่งนี้ว่าเป็น ‘การขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน’
ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการละเมิด การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 14 (14th Amendment) ซึ่งระบุว่า “บุคคลทั้งหมดที่เกิดหรือได้รับสัญชาติในสหรัฐอเมริกา และอยู่ภายใต้อำนาจศาลแห่งสหรัฐฯ [subject to the jurisdiction thereof] ถือเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกาและของรัฐที่พวกเขาอาศัยอยู่”
ขณะที่คำสั่งของรัฐบาลทรัมป์ตั้งอยู่บนแนวคิดที่มองว่า ใครก็ตามที่อยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย หรืออยู่ด้วยวีซ่า จะถือว่า ‘ไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจศาล’ ของประเทศสหรัฐฯ ดังนั้นจึงถูกยกเว้นจากหมวดหมู่นี้ ซึ่งศาลสูงสหรัฐฯ เคยปฏิเสธคำจำกัดความที่แคบเช่นนี้มาแล้วในคดีสำคัญเมื่อปี 1898
รัฐบาลทรัมป์ยังโต้แย้งว่า การแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 14 ซึ่งผ่านความเห็นชอบหลังสงครามกลางเมืองนั้น มุ่งหมายถึง ‘สิทธิของอดีตทาส’ และไม่ใช่บุตรหลานของผู้ย้ายถิ่นฐานที่ไม่มีเอกสารหรือผู้มาเยือนสหรัฐฯ ชั่วคราว
ในคำร้องต่อศาล จอห์น ซาวเออร์ ทนายความของทรัมป์ได้ให้เหตุผลว่า “การขยายการให้สัญชาติโดยกำเนิดไปยังบุตรหลานของคนต่างด้าวที่ผิดกฎหมายโดยผิดพลาด ได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อสหรัฐอเมริกา โดยได้บั่นทอนบูรณภาพแห่งดินแดนของสหรัฐฯ และสร้างแรงจูงใจในการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย”
ขณะที่ เซซิลเลีย หวัง ผู้อำนวยการด้านกฎหมายแห่งชาติของ American Civil Liberties Union (ACLU) ซึ่งเป็นผู้นำการต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อต่อต้านความพยายามยกเลิกสัญชาติโดยกำเนิด คาดหวังว่า ศาลสูงสหรัฐฯ จะ ‘ล้มล้างคำสั่งที่เป็นอันตรายนี้อย่างถาวร’
หวังยังกล่าวว่า ศาลรัฐบาลกลางทั่วประเทศได้ปฏิเสธความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ในการถอดถอนการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญหลักนี้มาโดยตลอด การกระทำของทรัมป์ขัดต่อสิทธิหลักของชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญของเรามานานกว่า 150 ปี
ศาลสูงสหรัฐฯ ขณะนี้ มีผู้พิพากษาฝ่ายอนุรักษนิยม หรือฝ่ายขวา ครองเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง ซึ่งในจำนวน 6 คนนี้ มี 3 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยทรัมป์
ผู้พิพากษาชุดนี้เคยเข้าข้างทรัมป์ในการตัดสินใจหลายประเด็นสำคัญ โดยอนุญาตให้นโยบายต่างๆ มีผลบังคับใช้ได้ หลังจากที่นโยบายเหล่านั้นถูกศาลชั้นต้นขัดขวาง เช่น การเพิกถอนการคุ้มครองทางกฎหมายชั่วคราวตามหลักมนุษยธรรมสำหรับผู้อพยพหลายแสนคน การเนรเทศผู้อพยพไปยังประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิดของตน และการจู่โจมบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองในสหรัฐฯ ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น
แฟ้มภาพ: Alexkich / Shutterstock
อ้างอิง:


