สถานการณ์อุทกภัยจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายจังหวัดของภาคใต้ ทั้งสงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ล่าสุดผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ทั้ง เอไอเอส และ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้เร่งระดมกำลังเพื่อลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมออกมาตรการเยียวยาลูกค้าเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านการสื่อสาร
เอไอเอส ได้ระดมพนักงานภายใต้โครงการอุ่นใจอาสาเร่งจัดเตรียมสิ่งของจำเป็น ประกอบด้วยถุงยังชีพ 1,000 ชุด น้ำดื่ม 1,000 โหล อุปกรณ์อะแดปเตอร์ชาร์จมือถือ 1,100 ชิ้น และเพาเวอร์แบงก์ 1,100 ชิ้น โดยประสานความร่วมมือกับกองทัพอากาศเพื่อลำเลียงส่งมอบความช่วยเหลือให้ถึงมือผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่อย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ ยังได้เข้าสนับสนุนระบบสื่อสารในศูนย์อพยพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยเพิ่มจุดให้บริการโทรฟรีและติดตั้งบริการ AIS Free WiFi เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้อพยพสามารถติดต่อสื่อสารกับครอบครัวได้
ในส่วนของมาตรการดูแลลูกค้า เอไอเอสได้มอบสิทธิ์โทรฟรี 100 นาที และอินเทอร์เน็ตฟรี 10GB นาน 7 วัน ให้แก่ลูกค้าทั้งระบบเติมเงินและรายเดือนในพื้นที่ประสบภัยโดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งขยายเวลาชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือนและลูกค้า AIS FIBRE3
รวมถึงขยายวันใช้งานให้แก่ลูกค้าระบบเติมเงิน เพื่อให้การสื่อสารไม่สะดุดในช่วงวิกฤต พร้อมกันนี้ ทีมวิศวกรได้เตรียมรถโมบายล์และเฝ้าระวังสถานีฐานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อดูแลเครือข่ายให้พร้อมใช้งาน
ขณะเดียวกัน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้นำศักยภาพด้านเทคโนโลยีเข้ามาเสริมภารกิจกู้ภัย โดยส่งฝูงโดรนรุ่น TGD25 จำนวน 20 ลำ พร้อมทีมวิศวกรและนักบินผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ เพื่อขนส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ และสิ่งของจำเป็นเร่งด่วนเข้าไปยังพื้นที่ที่เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด
เอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและโดรนที่มีความคล่องตัวสูงจะช่วยให้การลำเลียงสิ่งของเข้าถึงพื้นที่ยากลำบากเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
นอกจากนี้ คณะผู้บริหารของทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วยพนักงานจิตอาสา ได้ร่วมกันบรรจุถุงยังชีพกว่า 1,000 ชุด ซึ่งภายในประกอบด้วยพาวเวอร์แบงก์ อาหารแห้ง และน้ำดื่ม เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้ประสบภัย
สำหรับมาตรการเยียวยาลูกค้า ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้มอบสิทธิ์โทรฟรี 100 นาที และอินเทอร์เน็ต 10 GB นาน 7 วัน ให้แก่ลูกค้าทรูและดีแทคในพื้นที่ประสบภัยโดยอัตโนมัติเช่นเดียวกัน พร้อมขยายวันใช้งานเพิ่ม 10 วันสำหรับลูกค้าเติมเงิน และยืดระยะเวลาชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือน เพื่อป้องกันการถูกระงับสัญญาณ
พร้อมทั้งจัดทีมวิศวกรดูแลโครงข่ายและนำรถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว (COW) เข้าเสริมสัญญาณในพื้นที่น้ำท่วม เพื่อให้มั่นใจว่าระบบสื่อสารจะยังคงใช้งานได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง


