วันนี้ (25 พฤศจิกายน) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยบทวิเคราะห์มหาอุทกภัยลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา ปี 2568
GISTDA ระบุว่า เหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 สะท้อนความซับซ้อนของปัญหาที่รุนแรงกว่าในอดีต โดยข้อมูลจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ ยืนยันตรงกันว่า ระดับน้ำท่วมครั้งนี้สูงกว่าระดับสูงสุดเมื่อปี 2553
สาเหตุหลักมาจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เกิดฝนตกหนักสะสมสูงสุดในรอบหลายสิบปี โดยสถิติระบุว่าเพียง 3 วัน (19–21 พฤศจิกายน) มีปริมาณฝนสะสมสูงถึง 630 มิลลิเมตร ซึ่งมากกว่าสถิติสูงสุดของปี 2553 ที่ทำไว้ 428 มิลลิเมตร ส่งผลให้มวลน้ำหลากเข้าท่วมชุมชนกว่า 100 แห่ง บางจุดระดับน้ำลึกถึง 3 เมตร สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนและการคมนาคมขนส่งจนเป็นอัมพาต
บทวิเคราะห์ฉายภาพลักษณะทางกายภาพของลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทวีความรุนแรงของภัยพิบัติ โดยลุ่มน้ำนี้มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาน้ำค้าง (ส่วนหนึ่งของเทือกเขาสันกาลาคีรี) ในอำเภอสะเดา ไหลผ่านเมืองหาดใหญ่ ลงสู่ทะเลสาบสงขลา รับน้ำจากคลองสาขาสำคัญ ได้แก่ คลองสะเดา, คลองหล้าปัง, คลองตง และคลองประตู
ปัญหาเชิงโครงสร้างคือ พื้นที่ตอนบนเป็นภูเขาลาดชัน ทำให้น้ำไหลบ่าลงสู่ที่ราบอย่างรวดเร็วโดยไม่มีพื้นที่หน่วงน้ำธรรมชาติ ในขณะที่พื้นที่ตอนกลางและตอนล่างเป็นที่ตั้งของเมืองหาดใหญ่ที่มีสิ่งปลูกสร้างหนาแน่น พื้นที่รับน้ำและซึมน้ำตามธรรมชาติหายไป เกิดสภาวะน้ำลงมาเร็ว แต่ระบายออกช้า นำไปสู่การเอ่อล้นขยายวงกว้างในเขตเมือง
GISTDA ชี้ประเด็นสำคัญที่ทำให้ครั้งนี้รุนแรงเป็นพิเศษคือปรากฏการณ์ฝนตกแช่ หรือการที่ฝนตกต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน โดยไม่มีช่วงหยุดพักให้ระดับน้ำลดลง ทำให้ดินอิ่มตัวจนไม่สามารถดูดซับน้ำได้อีก (ความสามารถในการซึมเป็นศูนย์) น้ำฝนทั้งหมดจึงกลายเป็นน้ำผิวดินไหลบ่าลงคลองอู่ตะเภาตลอดวันตลอดคืน จนเกินขีดความสามารถของระบบระบายน้ำและลำน้ำธรรมชาติ
ความรุนแรงของสถานการณ์ส่งผลให้จังหวัดสงขลาต้องประกาศเขตภัยพิบัติทั้ง 16 อำเภอ มีการอพยพประชาชนจำนวนมาก และระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเสียหายหนัก
GISTDA สรุปทิ้งท้ายว่า เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ชัดเจนถึงความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่ทำให้ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น การวางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบจึงเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อให้เมืองเศรษฐกิจอย่างหาดใหญ่และลุ่มน้ำอื่นๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน สามารถรับมือกับภัยคุกคามจากสภาพอากาศสุดขั้วในอนาคตได้
อ้างอิง : สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)


