นโยบายเศรษฐกิจกับตลาดหุ้นจีนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกขาดจากกันได้
และเมื่อปี 2026 กำลังจะมาถึง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 สำหรับปี 2026-2030 ก็จะเริ่มบังคับใช้
แผนห้าปีรอบนี้ตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจจีนขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม เน้นคุณภาพ และความมั่นคง โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน เป็นครั้งแรกที่ไม่มีการตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP สะท้อนว่าทิศทางเศรษฐกิจจะเฉพาะเจาะจง และมุ่งเชิงโครงสร้างมากกว่าเดิม
มองย้อนกลับไปในอดีต การจัดพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับแผน 5 ปี มักทำผลตอบแทนได้ดีกว่าการลงทุนแบบไม่เจาะจง
ตัวอย่างเช่น บทวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ที่ใช้แบบจำลองภาษา (LLM) สกัดสัญญาณการลงทุนที่คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากแผนห้าปี ชี้ว่าหากลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม (GICS Level 2) ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด 5 อันดับแรก นับตั้งแต่ปี 2001 (แผนฉบับที่ 5) มาจนถึงปัจจุบัน นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปีราว 128% หรือชนะดัชนีหุ้นจีนเฉลี่ยประมาณปีละ 9% ทีเดียว
ผมจึงวิเคราะห์ทิศทางแผน 15 พร้อมหาโอกาส และประเมินความเสี่ยงของการลงทุนในหุ้นจีน สรุปได้เป็น 5 ธีมเด่นที่มีทั้งนโยบายหนุน การเติบโตสูง และมูลค่าเหมาะสม มาให้นักลงทุนได้เลือกตัดสินใจไปพร้อมกัน
1. กลุ่มไบโอเทค โอกาสสู่การเป็นฐานผลิตภัณฑ์และการวิจัยของโลก
กลุ่ม Biotech ได้รับการกล่าวถึงในแผน 15 จากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงด้านสาธารณสุข ลดการพึ่งพายาต่างประเทศ และเศรษฐกิจสูงวัย จุดเด่นสำคัญคือต้นทุนการวิจัยระดับสูงที่ถูกกว่าประเทศพัฒนาแล้ว มีตลาดผู้ซื้อขนาดใหญ่ และในอนาคตถ้าสามารถประยุกต์ใช้ AI ในวิจัยยาได้ยิ่งจะมีประสิทธิภาพสูง
กำไรของกลุ่มไบโอเทคกำลังฟื้นตัว แม้กลุ่มนี้จะซื้อขายในระดับ P/E เฉลี่ยสูงถึง 30-40 เท่า แต่แลกมาด้วยการเติบโตที่ระดับ 15-25% แบบไม่อ่อนไหวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ นับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ
2. กลุ่มยานยนต์และพลังงานสมัยใหม่ พลังขับเคลื่อนด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มยานยนต์เป็นกลุ่มที่ได้รับแรงหนุนจากนโยบายตั้งแต่แผน 10-13 คิดเป็นการพัฒนาต่อเนื่องถึงกว่า 20 ปี เป้าหมายของการพัฒนาแผนใหม่นี้แตกต่างจากเดิม โดยมองไปที่ความมั่นคงด้านพลังงาน รวมถึงการต่อยอดให้ผู้ผลิตยานยนต์จีนก้าวไปสู่ระดับโลก
จุดเด่นของธุรกิจคือมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำ ยอดขายเติบโตเร็ว และอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ Margin ไม่สูง ทำให้ P/E เข้าถึงได้ เมื่อนำมารวมกับ Battery Supply Chain ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ทำให้การลงทุนกลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตได้
3. กลุ่มอุตสาหกรรมขั้นสูง เสริมเครื่องจักรด้วย AI ดันผู้นำธุรกิจให้เติบโตระยะยาว
การยกระดับอุตสาหกรรมเดิมด้วย AI เป็นหนึ่งในแผนล่าสุดในฉบับที่ 15 เป้าหมายหลักคือการยกระดับประสิทธิภาพการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่ม และลดการพึ่งพาอุปกรณ์เฉพาะทางจากต่างประเทศ
ภาคการผลิตที่สามารถนำ AI เข้ามาช่วยได้ประกอบด้วยระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ เครื่องจักรความแม่นยำ ไปจนถึงอากาศยานและอวกาศ การลงทุนในกลุ่มนี้ คาดว่าจะเป็นการสนับสนุนผู้นำในแต่ละกิจกรรมการผลิตเฉพาะทาง สำหรับนักลงทุน จุดเด่นของการลงทุนในผู้ผลิตขั้นกลางคือ Valuation จะอยู่ราวระดับ 15-30 เท่า เหมาะสมเมื่อเทียบกับการเติบโตที่สูง
4. กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน AI และ Technology ยกระดับเครือข่าย Computing ไม่หลุดเมกะเทรนด์เติบโตระยะยาว
เมื่อต้องการเติบโตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม การลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การรวมเป้าหมายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเข้าไว้ในการลงทุนภาครัฐเป็นความต่างสำคัญเมื่อเทียบกับฝั่งสหรัฐที่สนับสนุนให้เอกชนหรือ Hyperscalers เป็นผู้ลงทุน
แม้จุดอ่อนที่เห็นได้ชัดคือความเชื่องช้าเมื่อเทียบกับสหรัฐ แต่ก็แลกมาด้วยความคุ้มค่าและมีมาตรฐานเดียวกัน ธุรกิจที่จีนมีแต้มต่อประกอบด้วย Server ออปติกความเร็วสูง ไปจนถึง Power Supply กำไรขั้นต้นอาจไม่สูง แต่ถ้าสามารถขยาย Network ไปต่างประเทศได้ ก็คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตก้าวกระโดดให้เห็นเช่นกัน
5. กลุ่มผู้ผลิตชิปกลายเป็นธุรกิจหลักเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
ทางการจีนไม่ได้แค่กล่าวถึงธุรกิจ Semiconductor ในแผน 15 มากที่สุด แต่ยกธุรกิจ Chip ขึ้นเป็นยุทธศาสตร์ชาติเพื่อความมั่นคงเทคโนโลยีไปแล้ว
ในธุรกิจนี้ จีนยังคงตามผู้นำอย่างสหรัฐฯ อยู่ราว 2-3 generations เป้าหมายแรก คาดว่าจะเป็นการยกระดับ Value Chain ตั้งแต่ออกแบบ ผลิตวัสดุ อุปกรณ์ Packaging ไปจนถึง Foundry ก่อนที่จะเริ่มลดการพึ่งพาชิปขั้นสูงจากต่างชาติ
จุดแข็งสำคัญที่สุดของธุรกิจนี้ คือการเป็นพื้นฐานของทุกธีมข้างต้น จึงมีแนวโน้มการเติบโตสูงและต่อเนื่อง สิ่งที่ต้องระวังคือ Valuation ที่อาจสูงเกินไปในบางจังหวะตามความคาดหวังของตลาด
ท้ายที่สุด เมื่อแผน 15 เริ่มใช้ปี 2026 การจัดพอร์ตให้สอดคล้องธีมเติบโตใหม่ อาจสำคัญกว่าเดาทิศทางตลาดหุ้นจีน
แผนห้าปีรอบนี้เป็นก้าวสำคัญของทั้งประเทศจีนและนักลงทุน แม้ห้าปีอาจไม่ใช่เวลาสั้นๆ และตลาดมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอด แต่ผมเชื่อว่าถ้าเราเลือกลงทุนตามแผนที่ถูกต้อง อย่างน้อยในอนาคตปี 2030 เราจะไม่ต้องมองกลับมาเสียดายกับโอกาสครั้งนี้แน่นอนครับ

สรุปภาพรวมเชิงกลยุทธ์ภาครัฐและเอกชนจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีนฉบับที่ 15
อ้างอิง: Gov.cn และ FSS
ภาพ: XIUYUAN YAO / Getty Images


