วันนี้ (19 พฤศจิกายน) ที่อาคารรัฐสภา จรัญ ภักดีธนากุล กรรมการกฤษฎีกา ในฐานะอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ ‘การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใครได้ไ้ประโยชน์’ บนเวทีสัมมนาวิชาการ ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการวิชาการของวุฒิสภา ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า
จรัญระบุในช่วงหนึ่งว่า สำหรับแนวคิดต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของปวงชนชาวไทย ทั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ได้เห็นตรงกันทั้งหมดในแผ่นดิน ดังนั้น จะทำอย่างไรต่ออุดมการณ์ ความคิด ความเชื่อ หลักวิชาที่มาจากหลากหลาย เพื่อทำให้เดินไปได้
“ผมมองว่าต้องหาสมดุล และดุลยภาพให้ได้ ท่ามกลางความหลากหลายของผลประโยชน์ ความเชื่อทางลัทธิการปกครอง การเมือง การปกครองประเทศ รวมทั้งระบบเศรษฐกิจและสังคมที่หลากหลาย ทำอย่างไรเพื่อหาตัวร่วม ให้ได้จุดที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดกับประเทศ และปวงชนนชาวไทย” จรัญกล่าว
▪️เสนอหาแนวทาง Triple Win
จรัญกล่าวต่อไปว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องหา Three-Win Solution ไม่ใช่แค่ Win-Win สองด้านเท่านั้น เพราะงานใหญ่ระดับชาติ ต้องมี Triple Win
ประการแรกคือ เสียงข้างมาก เป็นแกนใหญ่ของความเห็นที่ลงตัวร่วมกันของคนส่วนใหญ่ ส่วนฝ่ายข้างน้อย ที่เห็นแตกต่างหลากหลาย ต้องให้ความเคารพกับเสียงข้างมาก
ประการที่สองคือ คนไทยฐานะเจ้าของประเทศ อำนาจอธิปไตยและมีส่วนร่วมสถาปนารัฐธรรมนูญไทย ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา จึงเห็นว่าฝ่ายข้างมากต้องไม่ทอดทิ้งความเห็นหลากหลายที่แตกต่าง ต้องหาที่อยู่ที่ยืนที่เหมาะสมให้กับฝ่ายที่เห็นต่าง คือข้างน้อย เพื่อให้ได้รับชัยชนะที่เดินไปพร้อมกัน ไม่เป็นที่พอใจของ 100% ของสองฝ่าย แต่พอทนได้ พอรับได้ ในช่วงระยะเวลาเฉพาะหน้า
นอกจากนั้น อีกประการคือ ปวงชนชาวไทยและประเทศไทย เพราะหากเสียงข้างมาก และเสียงข้างน้อยหาจุดร่วมกับสองฝ่ายได้ แต่หากเป็นภัย เป็นพิษต่อประเทศ ประชาชน หากประเทศย่อยยับ ฝ่ายข้างมากและข้างน้อยจะอยู่สุขได้อย่างไร จึงคงต้องมี Triple Win ให้ได้
“ถ้าเราหาจุดสมดุลไม่ได้ บทสังเคราะห์ที่ชี้ทางออกของประเทศไม่ได้ จะแตกสามัคคี แม้เป็นรอยเล็ก ดูไม่ร้ายแรงสำหรับคนไทย ทะเลาะเป็นปกติ แต่ไม่แตกสามัคคี แต่หากเป็นรอยร้าว จะเชื้อเชิญมหาอำนาจในโลกที่แข่งขันล่าอาณาเขต เขตอิทธิพลของเขาที่แข่งกัน 2 ขั้ว 3 ขั้ว ซึ่งใช้ประเทศที่แตกแยกเป็นสงครามตัวแทน สุนัขรับใช้ เหมือนกับเหตุการณ์ในยูเครน และประเทศตะวันออกกลางหลายประเทศ” จรัญกล่าว
จรัญกล่าวต่อไปว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแบบจัดทำใหม่ทั้งฉบับ ใครได้ประโยชน์ มองว่าใครก็ตามไม่สำคัญ ต้องประคองให้ประเทศไทยและปวงชนชาวไทยได้ประโยชน์ จากนั้น ค่อยไปดูข้างมาก ข้างน้อย
“กรรมาธิการฯ ที่รัฐสภาแต่งตั้ง พบการลงมติไม่ให้ประชาชนเลือกผู้เขียนรัฐธรรมนูญ 70 คน และให้รัฐสภาหยิบ 35 คน ผมโล่งอก เพราะไม่ต้องขัดแย้งกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และเสี่ยงเป็นเงื่อนไขการปลุกระดม เพราะการขยับแบบที่แก้ไขนั้น ไม่ทำให้ประเทศไปสู่จุดเสี่ยง ผมชื่นใจมาก” จรัญกล่าว
▪️ชื่นชมผู้คิดสูตร 20 หยิบ 1
อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังกล่าวถึงสูตรการเลือกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่มจำนวน 20 คน เลือกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 1 คน ว่า ขอชื่นชมว่าผู้ที่ทำเก่งมาก เพราะไม่มีในตำรา หรือในทฤษฎีฝรั่ง แต่ได้สังเคราะห์ออกมาอย่างถูกใจ ซึ่งมั่นใจว่าฝ่ายข้างมาก เอาแบบนี้ ฝ่ายข้างน้อยที่ไม่มั่นใจ พอรับได้ เช่น พรรคที่ได้ สส. 100 คนหยิบได้ 5 คน หากมี สส. 200 คน หยิบได้ 10 คน สว. มี 200 คน หยิบได้ 10 คน ถือว่ามีส่วนร่วม ไม่ขัดแย้งอะไรในรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ ในประเด็นความเสี่ยงต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้ จรัญระบุว่า ส่วนตัวยังมองไม่เห็นความเสี่ยง แต่หากให้เลือก ขอเลือกวิธีแก้ไขรายประเด็น เพื่อให้เกิดการวิเคราะห์ หรือสังเคราะห์ที่ทำให้เกิดดุลยภาพ และการแก้ไขต้องเรียงลำดับความสำคัญ ซึ่งกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือพัฒนาการรัฐธรรมนูญจะยั่งยืน มั่นคง ต่อเมื่อใช้เวลาพอสมควรในแต่ละประเด็น ให้ประชาชนส่วนใหญ่ตกผลึกและพอรับได้ ที่ผ่านมาเคยศึกษาว่า มีประเด็นในรัฐธรรมนูญ จำนวน 27 ประเด็น ที่ต้องพิจารณา ซึ่งต้องแก้ตามสถานการณ์บ้านเมือง
“ในความเสี่ยงที่อาจมี คืออย่าเผลอปล่อยให้ไปเซาะกร่อนบ่อนทำลาย หมวด 1 และหมวด 2 ผมเบาใจว่าไม่น่าจะเกิด เพราะหากแตะหมวด 1 หมวด 2 รวมถึงมาตราที่เป็นรากฐานมาจากหมวด 1 หมวด 2 มีปัญหา ไม่ใช่ปัญหากับคุณหรือผม แต่เป็นปัญหาของประเทศไทย ปวงชนชาวไทย รวมถึงไม่เปลี่ยนแปลงมาตรา 255 ซึ่งผมมองว่าหากไปยุ่งกับพระราชอำนาจ เชื่อว่าจะเป็นปัญหา ส่วนม็อบจะจุดติดหรือไม่ อย่าประมาท ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญของประเทศไทยที่ผ่านมาทุกฉบับ เป็นรัฐธรรมนูญพระราชทาน ไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่เกิดจากสัญญาประชาคม หรือมาจากความเห็นพ้องต้องกันของคนไทย” อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าว
จรัญยังให้ความเห็นว่า ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ออกแบบระบบตรวจสอบ ที่ดูเหมือนกลายเป็นผู้ปกครองประเทศ ผิดหลักระบบตรวจสอบ เป็นเหตุผลที่ฝ่ายทำรัฐธรรมนูญใหม่ มองในแง่ดีก็ต้องเรียกร้องทำกันใหม่ แต่ขอเพียงว่า อย่าทิ้งประสิทธิภาพการป้องกันปราบปรามคนทุจริต โกงบ้าน โกงเมือง ฉ้อราษฎร์บังหลวง กลไกของรัฐธรรมนูญปี 2560 ฉบับปราบโกง มีประสิทธิภาพมาก และเป็นเงื่อนไขที่ถูกมองว่ามากเกินไป อย่างไรขอความกรุณารัฐสภาอ อกแบบให้มีจุดสมดุล เป็น Triple Win ให้ประเทศ ทั้งนี้ อย่าปล่อยปละละเลยให้เสียงข้างมากกินรวบ ขอให้แสดงออก อย่าก้าวร้าว ทำอย่างสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมฐานะเจ้าของอธิปไตย


