×

TDRI ห่วงเศรษฐกิจโตช้า-ค่าจ้างต่ำ ดันธุรกิจเทาพุ่ง ไทยเสี่ยงเป็น ‘ศูนย์กลางเงินเทา’

17.11.2025
  • LOADING...
TDRI ห่วงเศรษฐกิจโตช้า-ค่าจ้างต่ำ ดันธุรกิจเทาพุ่ง ไทยเสี่ยงเป็น ‘ศูนย์กลางเงินเทา’

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธาน TDRI ห่วงเศรษฐกิจโตช้า-ค่าจ้างต่ำ เสี่ยงดันไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจเทา ย้ำสร้างงานที่ดี (Good Jobs) ช่วยสกัดธุรกิจผิดกฎหมายได้ เสนอโมเดลใหม่ดันศักยภาพไทยเฉียด 5% พ้นกับดักรายได้ปานกลางใน 16 ปี

 

วันนี้ (17 พฤศจิกายน) ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธาน TDRI กล่าวว่าในปัจจุบันการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยแทบจะต่ำสุดในเอเซียตะวันออก หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง แม้อัตราว่างงานไม่มาก แต่ค่าจ้างแรงงานของคนไทยมีสัดส่วนต่อ GDP ลดลงต่อเนื่อง

 

ดังนั้น หากไม่สามารถสร้างงานที่ดีให้คนไทยทำ ก็มีความเสี่ยงที่ไทยจะกลายเป็นประเทศที่มีธุรกิจสีเทา ‘มากขึ้น’ ทั้งความเสี่ยงต่อการฟอกเงินรวมถึงการเป็นศูนย์กลางของแก๊งมิจฉาชีพอย่างคอลเซนเตอร์ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ไทยเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยปัญหา จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สร้างงานที่ดีหรือ ‘Good Jobs’ ให้แก่คนไทย

 

“จะต้องเร่งสร้างงานดี หรือ Good Jobs ซึ่งหมายถึงงานที่มีค่าตอบแทนดี สวัสดิการเพียงพอ มีความมั่นคงพอสมควร แต่การที่จะมีทำงานที่ดีได้นั้น คนไทยจะต้องมีทักษะที่มากขึ้น ขณะเดียวกันจะต้องสร้างการเจริญเติบโตผ่านเครื่องจักรใหม่หลายตัวซึ่งสามารถแบกประเทศต่อไปได้” ดร.สมเกียรติ กล่าว

 

ดร.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าเป็นเพราะศักยภาพทางเศรษฐกิจตกต่ำลง ซึ่งการแก้ปัญหาด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่หลายรัฐบาลมักทำจะไม่บรรลุผล ต้องปรับนโยบายภาคการผลิต เนื่องจากเครื่องจักรการผลิตของไทยที่ทำรายได้ให้ประเทศ เช่น การส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมตลอดจนการท่องเที่ยว

 

ประธาน TDRI กล่าวต่อว่า การท่องเที่ยวเคยมีบทบาทในการ ‘แบกประเทศ’ มานานได้ชะงักลง จากปัจจัยหลายอย่างเช่น การขาดแรงงานที่มีทักษะ งบลงทุนของภาครัฐลดลง

 

นอกจากนี้ แม้เศรษฐกิจไทยจะมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มีมูลค่ามาก แต่ก็ไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการลงทุนต่อเนื่องในประเทศได้เท่าที่ควร รวมทั้งมีปัญหากฎระเบียบที่ทำให้การทำธุรกิจเป็นไปได้ยาก ตลอดจนมีการลงทุนวิจัยพัฒนาที่น้อยเกินไป ขณะที่งานวิจัยที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้

 

“ดังนั้น การจะทำให้ภาคการผลิตของไทยกลับไปสู่ระดับเดิมถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคโลกาภิวัฒน์ย้อนกลับที่มีการกีดกันทางการค้าในวงกว้าง” ดร.สมเกียรติ กล่าว

 

ประธาน TDRI ยังชี้ว่า กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีความเข้มแข็งกว่าเศรษฐกิจโดยรวมก็ยังลดต่ำลงในช่วงที่ผ่านมา และมีสัดส่วนบริษัทที่ประสบปัญหาขาดทุนในปีที่แล้วจำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทในสาขาอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งขาดทุนในปีที่แล้วถึง 30% ตามมาด้วยสาขาอสังหาริมทรัพย์ และสาขาอุปโภค

 

เปิดแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ดันศักยภาพเฉียด 5%

 

ดร.สมเกียรติ จึงเสนอแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่โมเดลใหม่ว่า นอกจากการพัฒนาแบบ ‘ลีน’ แล้ว ประเทศไทยจะต้องเปิดเสรีทางการค้าให้มากขึ้น สนับสนุนการลงทุนในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม รวมทั้งสนับสนุนธุรกิจใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้น ซึ่งหากทำได้ ประเทศไทยจะยกระดับอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจากปัจจุบันที่ระดับประมาณ 2.3% ให้เป็น 4.7% ต่อปีได้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี ซึ่งจะทำให้ไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลางได้ใน 16 ปีต่อจากนี้

 

นอกจากนี้ โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของไทยจะเปลี่ยนโฉมไป ภาคเกษตรและอุตสาหกรรมมีขนาดเล็กลง ในขณะที่ภาคบริการสมัยใหม่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเป็นแกนหลักในการสร้างงานที่ดี ทำให้คนไทยมีกำลังบริโภค ซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยถูกขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจภายในมากขึ้น

 

“ในการปรับไปสู่โมเดลเศรษฐกิจใหม่ เราต้องใช้จินตนาการใหม่ที่เชื่อมั่นว่าการปรับเปลี่ยนประเทศไทยเป็นสิ่งที่ทำได้จริง หัวใจสำคัญคือการสร้าง ‘นโยบายอุตสาหกรรมใหม่’ เพื่อให้เกิดงานที่ดี ขณะเดียวกันก็ต้องปรับยุทธศาสตร์การพัฒนาในด้านต่าง ๆ ให้สอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเป็นปรับกติกาการค้าการลงทุน การปรับการพัฒนาทักษะและนวัตกรรม ตลอดจนการปรับบทบาทภาครัฐและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค” ดร. สมเกียรติระบุ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising