×

ถอดพิมพ์เขียวปั้นธุรกิจเทคโนโลยีไทย อะไรคือจิ๊กซอว์ที่หายไปของระบบนิเวศในไทย

14.11.2025
  • LOADING...
ถอดพิมพ์เขียวปั้น ธุรกิจเทคโนโลยีไทย อะไรคือจิ๊กซอว์ที่หายไปของระบบนิเวศในไทย

ทำไมไทยไม่มีบริษัทเทคโนโลยี หรือแม้แต่สตาร์ทอัปที่เติบโตถึงขั้น ‘ยูนิคอร์น’ มากเท่าที่ควรจะเป็น?

 

หนึ่งในเวทีที่น่าสนใจภายในงาน The Standard Economic Forum 2025 คือเวทีที่ชื่อว่า Forging National Champions: ปั้นธุรกิจแชมป์ไทย เปิดเกมเศรษฐกิจใหม่ด้วย National VC ซึ่งมีผู้ร่วมเสวนา คือ Jeep Kline, Founder & Managing Partner, Raisewell Ventures and Professional Faculty, UC Berkeley และศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

ทั้งสองท่านได้ร่วมกันถอดรหัสว่า อะไรคือ ‘จิ๊กซอว์ที่ขาดหายไป’ ของระบบนิเวศ (Ecosystem) เทคโนโลยีไทย และเราจะสร้างพิมพ์เขียวเพื่อปั้น ‘National Champions’ ให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างไร

 

ไทยยังขาด 5 เสาหลัก – ต้องคิดแบบ ‘Transnational VC’

 

Jeep Kline เริ่มต้นด้วยการฉายภาพว่า Ecosystem ของ Venture Capital (VC) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย ยังมีอายุเพียง 10 ปี เมื่อเทียบกับ Silicon Valley ที่มีอายุ 40-50 ปี การจะก้าวกระโดดโดยไม่ต้องใช้เวลาถึงครึ่งศตวรรษ ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้าง 5 เสาหลักที่สำคัญให้เกิดขึ้นพร้อมกัน

 

  • เงินทุนเอกชนที่มีความเสี่ยงสูง (Risk Capital) เช่น VC และเงินทุนระยะยาว (Long-term Capital) ที่ลงทุนเพื่อปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจอย่างน้อย 7-10 ปี
  • สถาบันการศึกษา (Academic Institution) ที่ซึ่งคณาจารย์และนักศึกษาสามารถนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีมาต่อยอดสร้างเป็นบริษัทได้จริง
  • ภาคเอกชน (Corporation) บริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องมีช่องทางในการสนับสนุนหรือเป็นทางออก (Exit Market) ให้กับสตาร์ทอัป
  • ผู้ประกอบการ (Entrepreneur) ผู้ก่อตั้งที่มีความสามารถในการสร้างและบริหารบริษัทเทคโนโลยีให้เติบโต
  • นโยบาย (Policy) การสนับสนุนจากภาครัฐ, โครงการบ่มเพาะ (Incubation Program) และกลไกตลาดทุนที่เอื้ออำนวย

 

อย่างไรก็ตาม Jeep Kline ย้ำว่า 5 เสาหลักนี้ไม่เพียงพอ “การที่เราจะสร้าง National VC ให้เกิดขึ้นในไทยได้ เราไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ แต่เราต้องขายว่าเรามีประชากร 700 ล้านคน (ในอาเซียน)”

 

สิ่งที่ไทยต้องสร้างคือแนวคิด ‘Transnational VC’ ซึ่งต้องทำหน้าที่ 3 ประการ คือ 1) ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว 2) เป็นผู้นำทางความคิดที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศ และ 3) ทำงานร่วมกับหน่วยงานส่งเสริมการวิจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิด เช่น มหาวิทยาลัย

 

“สิ่งที่เราขาดคือ Exit Market ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยกำลังสร้าง การสนับสนุนเงินอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องเข้าไปให้ความรู้ด้วย”

 

หนึ่งในจิ๊กซอว์ที่สำคัญที่สุดที่ผู้ประกอบการไทยต้องมีคือ ‘Global Mindset’ ตั้งแต่วันแรก “ถ้าไม่มีสิ่งนี้ ทิศทางของผลิตภัณฑ์และการจ้างงานก็จะไปไม่ถึงระดับโลก”

 

ตลท. ชี้ 3 อุปสรรคใหญ่ รัฐกลัวขาดทุน-ทุนวิจัยกระจัดกระจาย-SME บัญชี 2 เล่ม

 

ด้าน ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ยอมรับว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ตลาดทุนไทยมีบริษัท New Technology หรือ Deep Tech เข้ามาจดทะเบียนน้อยมาก สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างที่หยั่งรากลึก

 

“เราไม่เคยลงทุนด้านนี้อย่างจริงจังมาก่อน คอนเซปต์ของหน่วยงานรัฐคือ ลงทุนแล้วขาดทุนไม่ได้ ซึ่งมันสวนทางโดยสิ้นเชิงกับแนวทางการลงทุนของ VC ที่โดยธรรมชาติแล้ว สตาร์ทอัปมีโอกาสสำเร็จเพียง 5% กว่าๆ เท่านั้น ทำให้การตัดสินใจของภาครัฐไม่สามารถสร้างผลกระทบได้เท่าที่ควร” ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ กล่าว

 

ประธาน ตลท. ยังชี้ให้เห็นอีก 2 ปัญหาใหญ่ที่ฉุดรั้งการเติบโต ได้แก่

 

  • ทุนวิจัยที่กระจัดกระจาย “ปัจจุบันเรามีหน่วยงานให้ทุนและวิจัยที่แตกย่อยไปเยอะมาก ทั้ง สวทช., NIA, DEPA, TED Fund ซึ่งมีเงินรวมกันหลายหมื่นล้านบาท ถ้าสามารถรวมพลังกันและไป Co-invest กับภาคเอกชนได้ จะช่วยให้ธุรกิจใหม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากขึ้น”
  • ปัญหา SME ทำบัญชี 2 เล่ม ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบและการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

พิมพ์เขียว ตลท. ปั้น ‘New Economy’ – จ่อตั้ง ‘PE Trust Fund’

 

เพื่อปลดล็อกปัญหาดังกล่าว ตลท. กำลังดำเนินการในหลายมิติเพื่อสร้าง “Runway” ให้กับธุรกิจแห่งอนาคต

 

  • สร้าง Holding Company ตลท. กำลังศึกษาการสร้าง Holding Company เพื่อเข้าไปลงทุนในบริษัท Spin-off (Optco) จากมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้วจึงนำ Holding Company นั้นมาระดมทุนในตลาดทุน เพื่อสร้างบริษัท Deep Tech ที่ต่อยอดจากงานวิจัย เช่น Health Tech หรือ Food Tech
  • ตั้งกองทุน Private Equity (PE) Trust Fund อยู่ระหว่างการพิจารณาตั้งกองทุน PE Trust โดยเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนธุรกิจในกลุ่ม New Economy ที่มีศักยภาพ เช่น Health, Digital, Food และ Tourism Cluster
  • ปลดล็อกกฎเกณฑ์ เร่งแก้ไขกฎเกณฑ์เพื่อให้บริษัทใหม่ๆ สามารถเข้าจดทะเบียนได้ง่ายขึ้น

 

“หมอ วิศวกร ของไทยเก่งเรื่องงานวิจัยมาก แต่ทำการค้าไม่เป็น โจทย์คือเมื่อไหร่ที่งานวิจัยจะสามารถถูกนำมาสร้างเป็นธุรกิจ (Commercialize) ได้จริง การจะทำธุรกิจวันนี้ให้แข็งแรงและใหญ่โต ต้องมี Partnership และ รัฐบาลต้องเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้กำกับดูแล (Regulator) มาเป็นผู้สนับสนุน (Facilitator) และปลดล็อกกฎกติกาต่างๆ”

 

เขาทิ้งท้ายด้วยความหวังว่า หากสามารถรวมพลังและปลดล็อกอุปสรรคเหล่านี้ได้ “ภายใน 1-2 ปีนี้ เราจะเริ่มเห็น New Economy เกิดขึ้นในตลาดทุนไทยได้”

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising