ในสนามแข่งขัน ไม่มีอะไรหนักหนาเท่าการรับไม้ต่อจากความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ระดับประวัติศาสตร์ เพราะทุกก้าวที่ออกเดิน ล้วนมีเงาของ “ความคาดหวัง” คอยตามมาไม่ห่าง
แทนที่จะหวั่นไหวต่อแรงกดดัน แต่ กีตาร์-กมลชนก สีเคน นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เธอกลับเลือกใช้มันเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาและพิสูจน์ตัวเอง เพื่อก้าวข้ามและสร้างเรื่องราวบทใหม่ให้กับเส้นทางของตัวเอง
THE STANDARD SPORT มีโอกาสได้พูดคุยกับเธอถึงประสบการณ์ที่ได้รับตลอดขวบปีหลังก้าวขึ้นมาแข่งรุ่น 49 กก.หญิง พร้อมเป้าหมายในซีเกมส์ ครั้งที่ 33
1 ปีแห่งการเรียนรู้
“ความยากมันต่างกันเยอะเลยค่ะ จากตอนที่เล่นรุ่น 49 กก. ในสมัยเยาวชนกับระดับประชาชน” กีตาร์-กมลชนก สีเคน จอมเตะสาววัย 19 ปี เล่าย้อนความรู้สึกกับ THE STANDARD SPORT ถึงวันแรกที่เธอได้ขยับขึ้นมาเล่นให้ทีมชาติไทยชุดใหญ่
กีตาร์ ขยับขึ้นแข่งในรุ่น 49 กก.ญ ต่อจากพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่ประกาศเลิกเล่นเทควันโดทันทีหลังคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2024 และตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมากับประสบการณ์การเป็นตัวแทนทีมชาติไทยในรุ่นดังกล่าว เธอยอมรับว่ายังมีอะไรให้ต้องเรียนรู้อีกมากเพื่อที่จะเดินไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้
“ตอนเล่นในระดับเยาวชน ปกติหนูจะเป็นฝ่ายชนะมากกว่าแพ้ ได้เหรียญทองมาเยอะมาก แต่หนูก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งเลยนะ ยิ่งพอได้ขยับขึ้นมาเล่นในระดับประชาชน หนูสัมผัสได้ถึงความแตกต่างที่ชัดเจน ทั้งความแข็งแรง เทคนิค ยังต้องพัฒนาขึ้นอีกเยอะ ยิ่งได้แข่งในระดับนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้เลยว่ามีคนที่เก่งๆ อีกจำนวนมาก”
“ครั้งแรกที่หนูได้แข่งกับ อาเดรียนา เซเรโซ่ อิเกลเซียส ในรายการ เวิลด์กรังด์ปรีซ์ ชาเลนจ์ ตอนนั้นก็ตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะมีโอกาสได้สู้กับนักกีฬาระดับเหรียญเงินโอลิมปิก ถือเป็นความบททดสอบครั้งสำคัญที่จะใช้เป็นตัวชี้วัดว่า ณ ตอนนั้นเราอยู่ในระดับไหน อยากรู้ว่าถ้าได้สู้แล้วจะเป็นยังไง แต่พอได้แข่งด้วยจริงๆ แล้ว หนูรู้สึกว่าเราก็สู้ได้นะ ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้ แพ้ไปนิดเดียวด้วยรูปเกมที่สูสีมาก (แพ้ 1-2 ยก) หลังจบจากแมตช์นั้นมันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้หนูได้มากว่าเราก็เล่นในระดับนี้ได้เหมือนกัน”
ผลงานในปี 2025 ของกีตาร์ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย เหรียญทองดัตช์ โอเพน 2025, เหรียญทองเบลเจียน โอเพน 2025, เหรียญเงินกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2025, เหรียญเงิน WT President’s Cup – Asia 2025 และยังเกือบจะคว้าเหรียญในศึกชิงแชมป์เอเชียและชิงแชมป์โลกได้อีกด้วย
เปลี่ยนความกดดันให้เป็นแรงผลักดัน
กีตาร์ น่าจะเป็นหนึ่งในนักกีฬาวัยทีนที่ต้องแบกรับความกดดันมากที่สุดคนหนึ่งของโลก เพราะคงจะไม่มีงานใดเผชิญหน้ากับความท้าทายมากไปกว่าการเข้ามาสานต่อความสำเร็จของ เทนนิส-พาณิภัค รวมถึงรุ่นตำนานในรุ่น 49 กก. ที่ร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์เอาไว้มากมาย และสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือการเปรียบเทียบกับความสำเร็จในอดีตทันที
จอมเตะวัย 19 ปี เผยความรู้สึกให้เราฟังต่อว่า “ตอนแรกหนูก็ไม่ได้กดดันนะคะที่ต้องเป็นตัวแทนพี่เทนนิส พยายามเล่นให้เป็นตัวของตัวเอง”
“พี่เทนนิสทำผลงานไว้ดีมากๆ มันก็จะมีเสียงวิจารณ์หรือคอมเมนต์ในแง่ลบตามมา บ้างก็บอกว่าไม่มีใครมาแทนได้หรอก หนูก็พยายามไม่เก็บเอามาใส่ใจ พยายามคิดในแง่บวก แต่พอแข่งไปมากๆ แมตช์หลังๆ เริ่มมีพลาดหรือทำไม่ได้ ก็เริ่มมีเก็บมาคิดบ้างเหมือนกัน”
“อย่างชิงแชมป์โลกที่ผ่านมา หนูพลาดเหรียญรางวัล ร้องไห้เสียใจมาก เสียดาย เพราะคาดหวังสูงแล้วก็ไม่ได้เผื่อใจสำหรับความผิดหวัง พอได้คุยกับโค้ชก็รู้สึกโอเคขึ้น ได้เรียนรู้อะไรอีกหลายอย่าง หลังจากนี้ก็กลับมาตั้งหลักใหม่”
“โค้ชบอกกับหนูเสมอว่าจุดเด่นของหนูคือการใช้ขาหน้าได้ดี เตะหนัก ให้พยายามรักษาไว้แล้วก็ให้หนูพัฒนาในสิ่งที่ตัวเองยังทำไม่ดีก็คือการเตะขาหลัง ให้เตะท่าใหม่ๆ มากขึ้น แล้วก็เพิ่มความแข็งแรงเข้ามาด้วย”
“เป้าหมายหนู ความฝันหนูไปไกลกว่านี้มากๆ จากนี้พยายามมองไปทีละอย่างทีละแมตช์ ทำแต่ละแมตช์ให้เต็มที่ แพ้ก็ไม่เป็นไร พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ความคิดเห็นในแง่ลบหนูจะเปลี่ยนมันเป็นแรงผลักดัน จนกว่าจะไปถึงจุดหมายที่หนูตั้งไว้ค่ะ”
กีตาร์ ทิ้งท้ายถึงเป้าหมายในซีเกมส์ครั้งนี้ว่าอยากจะคว้าเหรียญทองให้ได้ในการประเดิมแข่งซีเกมส์ครั้งแรก
“เป็นซีเกมส์ครั้งแรกของหนู ก็อยากได้เหรียญทอง ที่ผ่านมาก็เห็นพี่ๆ ได้เหรียญ ก็อยากทำให้ได้บ้าง หลายๆ คน บอกว่าซีเกมส์ไม่ยาก แต่หนูคิดว่าตอนนี้ในอาเซียนนักกีฬาหลายประเทศ เขาก็เก่งเหมือนกัน เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ พัฒนาขึ้นมาเยอะมาก ก็จะไม่ประมาทค่ะ” กีตาร์ทิ้งท้าย
เส้นทางของ กีตาร์-กมลชนก อาจเพิ่งเริ่มต้น แต่สิ่งที่เธอแสดงให้เห็นชัดคือ แรงกดดันไม่ได้มีไว้ให้กลัว แต่มีไว้ให้เติบโต
จับตา เวียดนาม – ฟิลิปปินส์ คู่แข่งสำคัญ
ซีเกมส์ครั้งแรกในชีวิตของ กีตาร์-กมลชนก จะลงแข่งในรุ่น 49 กก.ญ โดยคู่แข่งที่น่าจับตามองในหนนี้ขอยกให้เป็นฟิลิปปินส์และเวียดนาม
ในรุ่นนี้ฟิลิปปินส์ ส่ง Tachiana Kezhia MANGIN ดาวรุ่งวัย 18 ปี ลงแข่งขันในรุ่นประชาชนเป็นครั้งแรก แม้ว่าประสบการณ์ในระดับสูงเธอคนนี้จะยังมีไม่มาก แต่ก็ถือเป็นตัวอันตรายที่สุดคนหนึ่งของรุ่นที่จะประมาทไม่ได้เลย ด้วยส่วนสูงถึง 179 เซนติเมตร ซึ่งสูงกว่าจอมเตะสาวไทยถึง 12 เซนติเมตร ทำให้จอมเตะฟิลิปปินส์ได้เปรียบเรื่องระยะในการออกอาวุธ
ในปี 2024 Tachiana Kezhia MANGIN แจ้งเกิดบนเวทีระดับนานาชาติ ด้วยผลงานการคว้าแชมป์เยาวชนโลก รุ่น 49 กก.ญ ทำให้อันดับโลกปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ที่ 18 ของโลก และหากนับเฉพาะนักกีฬาในอาเซียน แรงกิ้งเธอเป็นรองแค่กีตาร์เพียงคนเดียวเท่านั้น
ส่วนอีกคนที่น่าจับตามอง Trương Thị Kim Tuyền รองแชมป์เก่าจากเวียดนาม ปัจจุบันรั้งอันดับ 56 ของโลก โดยในศึกชิงแชมป์โลก 2025 เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เธอมีโอกาสได้ปะทะกับกีตาร์มาแล้วในรอบ 32 คน แต่อาการบาดเจ็บทำให้เธอต้องยอมแพ้ไปในวันนั้นตั้งแต่ยังไม่ทันจบยกแรก
จุดแข็งของจอมเตะเวียดนามคนนี้คือประสบการณ์ ในวัย 28 ปี เธอผ่านการคว้าแชมป์เอเชียมาแล้วเมื่อปี 2021 นอกจากนั้นเคยได้เหรียญทองซีเกมส์ รุ่น 46 กก.ญ เมื่อปี 2017 ส่วนผลงานในซีเกมส์ครั้งล่าสุด พ่ายให้กับ เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ตำนานจอมเตะไทยไปในรอบชิงชนะเลิศ
เทควันโดแข่งที่ไหน ชิงกี่เหรียญทอง
เทควันโดในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ชิงชัยทั้งหมด 20 เหรียญทอง แข่งขันระหว่างวันที่ 10-14 ธันวาคม ที่ไอส์แลนด์ ฮอลล์ ชั้น 3 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ กรุงเทพฯ
สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬาเข้าร่วม 27 คน แบ่งเป็นประเภทต่อสู้ 14 คน และ ประเภทพุมเซ่ 13 คน
สำหรับนักกีฬาประเภทต่อสู้ แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 7 คน วิศวกร ใจชู รุ่น 54 กก., สิรวิชญ์ มะหะหมัด รุ่น 58 กก., ธนภูมิ เฟื่องน้อย รุ่น 63 กก., บัลลังก์ ทับทิมแดง รุ่น 68 กก., กฤตชญ์ พร้อมปัจจุ รุ่น 74 กก., ธนาธร แซ่โจ รุ่น 80 กก. และ ชายชล โช รุ่น 87 กก.
นักกีฬาหญิง 7 คน ประกอบด้วย พัชรกัญจน์ พูลเกิด รุ่น 46 กก., กมลชนก สีเคน รุ่น 49 กก., ชุติกาญจน์ จงกลรัตนวัฒนา รุ่น 53 กก., พรรณนภา หาญสุจินต์ รุ่น 57 กก., ศศิกานต์ ทองจันทร์ รุ่น 62 กก., ปิยะฉัตรฤทัย ชารีวรรณ รุ่น 67 กก. และ กัญจ์ณาลักษณ์ ชื่นชูกลิ่น รุ่น 73 กก.
ขณะที่ประเภทพุมเซ่ หรือท่ารำ 13 คน แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 6 คน ธนา เขียวลายเลิศ, สิปปกร เวชกรปฏิวงศ์, นาวิน ปิ่นฑะสูตร, พีรพัฒน์ ตระการวิจิตร, อัจฉริยะ เกิดแก้ว, ณัฏฐชัย สุทา นักกีฬาหญิง 7 คน ฐิตารีย์ แก้วโอฬารวสุ, ศศิภา ชูผล, ชุติกาญจน์ ลาภนิตยพันธ์, วัชรกุล ลิ้มจิตรกร, สาริศา ไทยทองหลาง, ชลกร ชยวัฑโฒ และ รัชฎาวัลย์ ตะเพียนทอง
สำหรับผลงานของทีมเทควันโดไทยในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา คว้ามาได้ 7 เหรียญทอง ส่วนเป้าหมายในซีเกมส์หนนี้ทัพจอมเตะไทยตั้งเป้า 7 เหรียญทอง จากประเภทต่อสู้ 5 เหรียญทอง และประเภทพุมเซ่ 2 เหรียญทอง
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าภาพไปด้วยกัน ด้วยการติด Hashtag #เชียร์ไทยในบ้านเรา #SEAGAMES2025 #ซีเกมส์


