วานนี้(13 พฤศจิกายน) ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) พร้อมด้วย สำนักงาน กสทช. ภาค 3 ได้ร่วมปฏิบัติการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ป.) นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบเสาสัญญาณบริเวณพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ อ.เชียงแสน เพื่อรักษาคุณภาพสัญญาณควบคู่กับการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
การลงพื้นที่ตรวจสอบได้แบ่งออกเป็นสองจุดหลัก จุดแรกคือบริเวณสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 เพื่อตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่บริเวณฝั่งเมียนมา และจุดที่สองคือการ บินโดรนตรวจวัดสัญญาณ โทรศัพท์เคลื่อนที่บริเวณฝั่งตรงข้ามคิงส์โรมัน อำเภอเชียงแสน ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ
ไตรรัตน์ เปิดเผยว่า การตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามมาตรการของ กสทช. และข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงที่ระบุว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยผลการตรวจสอบพบว่า ยังมีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ล้ำไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขเพิ่มเติมที่กำหนดให้ความแรงสัญญาณไม่ล้ำข้ามเขตแดน
สำนักงาน กสทช. จึงเตรียมเสนอที่ประชุม กสทช. เพื่อให้พิจารณาดำเนินการ พักใช้การตั้งสถานีวิทยุคมนาคม เนื่องจากผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามที่ กสทช. กำหนด และได้สั่งการให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยทันที โดยให้ปรับเทคนิคเพื่อจำกัดรัศมีการให้บริการของเสาสัญญาณให้อยู่ในเขตชายแดนไทยอย่างเหมาะสม
รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวเน้นย้ำว่า การทำงานของ กสทช. พยายามสร้างความสมดุลด้านคุณภาพสัญญาณสำหรับประชาชนที่อาศัยและค้าขายบริเวณพื้นที่ชายแดน เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เช่น โครงการคนละครึ่ง ที่ต้องใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ต
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ควบคู่กันไป โดยขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเข้าใจว่าคุณภาพสัญญาณอาจไม่ดีที่สุด แต่ กสทช. จะคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก


