อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ตอบคำถามกรณีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ในช่วงถามตอบนายกรัฐมนตรีระหว่างการประชุมสมาชิกรัฐสภามาเลเซียวานนี้ (11 พฤศจิกายน) โดยระบุว่า เขาได้สั่งการให้พลเอก โมฮัมหมัด นิซาม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซีย ติดตามรายงานความคืบหน้าล่าสุดและกลับมาหารือแนวทางช่วยเหลือแก้ไขปัญหา หลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศระงับถ้อยแถลงร่วม หรือที่มาเลเซียเรียกว่าข้อตกลงสันติภาพที่มีการลงนามไปเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา
อันวาร์ กล่าวว่า “ในฐานะประธานอาเซียน เขายังคงติดต่ออย่างใกล้ชิดกับผู้นำไทยและกัมพูชา” และยืนยันบทบาทของมาเลเซียในการเจรจาสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา ภายหลังเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์ โดยระบุว่า “บทบาทของมาเลเซียจำกัดแค่เพียงการประสานงานและการอำนวยความสะดวก โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ และมาเลเซียไม่เคยบังคับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในกระบวนการสันติภาพ แต่ทำหน้าที่เป็นเพียงคนกลางเพื่อให้เกิดการเจรจาที่สร้างสรรค์”
“เราแค่ประสานงานกัน ผมยังจำได้ว่าตอนที่ผมนำนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ (ของไทยและกัมพูชา) มาพบกัน ผมบอกพวกเขาว่า พวกคุณเป็นคนกำหนดเงื่อนไข ผมมาที่นี่เพื่อช่วยประสานงานและส่งเสริมสันติภาพเท่านั้น” เขากล่าว และยืนยันว่าขอบเขตของการเจรจาสันติภาพถูกกำหนดโดยไทยและกัมพูชา ไม่ใช่มาเลเซีย
“พวกเขาเป็นผู้กำหนดขอบเขต ไม่ใช่เรา เราไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใดๆ เพื่อสันติภาพ ทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงของตนเอง”
อันวาร์กล่าวว่า คำวิจารณ์บทบาทของมาเลเซียในการไกล่เกลี่ยการเจรจาสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา ควรได้รับการพิจารณาในบริบทของหลักประชาธิปไตย เนื่องจากทุกประเทศมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
เขาย้ำว่าแม้จะมีเสียงวิจารณ์จากบางฝ่าย แต่ทั้งไทยและกัมพูชายังคงมั่นใจในบทบาทที่เป็นกลางของมาเลเซียในการส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาค
“บางครั้งความสำเร็จของมาเลเซียก็ก่อให้เกิดความอิจฉา บางคนรู้สึกไม่สบายใจที่จะเห็นประเทศเล็กๆ อย่างเราได้รับความสนใจจากทั่วโลก” เขากล่าว และชี้ว่า “นายกรัฐมนตรีไทยไม่เคยตั้งคำถามถึงบทบาทของมาเลเซีย และเพียงขอให้กัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไขสันติภาพอย่างเต็มที่”
ขณะที่เขากล่าวย้ำว่า มาเลเซียยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสันติภาพในภูมิภาค เนื่องจากความตึงเครียดในภูมิภาคจะส่งผลกระทบต่อประเทศเช่นกัน โดยเน้นย้ำว่าความรับผิดชอบนี้จะต้องแบกรับ เนื่องจากมาเลเซียยังคงเป็นประธานอาเซียนจนถึงสิ้นปีนี้
ทางด้านผู้บัญชาการทหารสูงสุดของมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ The Star โดยระบุว่า “มาเลเซียยังคงยึดมั่นในพันธกรณีที่จะรักษาข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชาไว้ แม้จะเกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดครั้งล่าสุดที่ชายแดนก็ตาม”
เขาย้ำว่า ในฐานะผู้ประสานงานข้อตกลงสันติภาพระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสอง มาเลเซียต้องการเห็นกระบวนการสันติภาพและข้อตกลงหยุดยิงดำเนินต่อไปตามแผนที่วางไว้
“วัตถุประสงค์หลักคือการสร้างความมั่นใจว่า ข้อตกลงสันติภาพและความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชาจะบรรลุผลสำเร็จ” เขากล่าว และย้ำว่า
“ในฐานะส่วนหนึ่งของอาเซียน เราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันและรักษาสันติภาพให้คงอยู่”
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซียยังกล่าวว่า จุดยืนของมาเลเซียคือการสร้างความมั่นใจว่ากระบวนการสันติภาพจะดำเนินต่อไป โดยตั้งข้อสังเกตว่าความล่าช้าใดๆ อาจทำให้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศกลับมาเหมือนเช่นเคย
“เรายังรับทราบถึงเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อเร็วๆ นี้ แต่จำเป็นต้องให้ระยะเวลาในการไตร่ตรองเพื่อตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง”
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับสถานะของทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ภายหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เขาระบุว่า ทีม AOT ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
“AOT ประจำการอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 40 กิโลเมตร แต่หากความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นถึงระดับที่เห็นก่อนบรรลุข้อตกลงสันติภาพ ทีมผู้สังเกตการณ์ทั้งจากไทยและกัมพูชาจะได้รับคำสั่งให้เดินทางกลับกรุงเทพฯ และพนมเปญตามลำดับ” เขากล่าว
แฟ้มภาพ: LILLIAN SUWANRUMPHA/Pool via REUTERS
อ้างอิง:


