นับถอยหลังเข้าสู่มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2025
วันนี้เราอยากพาไปรู้จักกับ ภาคภูมิ สงวนสิน นักกีฬาเทเบิลเทนนิสทีมชาติไทย มือตบลูกเด้งที่ผ่านเวทีในระดับนานาชาติเป็นเวลานานกว่า 2 ทศวรรษ ประสบการณ์ซีเกมส์ถึง 8 สมัย และครองแชมป์ประเทศไทยมากถึง 18 สมัย บนวัย 42 ปี ตัวเขายังคงมีแพสชัน ความฝัน และสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จในซีเกมส์ครั้งนี้
ชื่อ ‘บอล’ แต่เทพ ‘ปิงปอง’
คลาสสิกสุดๆ ไปเลยสำหรับเส้นทางการเป็นนักกีฬาของ ภาคภูมิ สงวนสิน ที่มี DNA นักกีฬาปิงปองอยู่เต็มตัว เขาเติบโตและเจริญรอยตามเส้นทางเดียวกันกับพ่อและแม่ ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาปิงปองมากฝีมือด้วยกันทั้งคู่ เก่งกาจไปถึงระดับเขต
นอกจากนั้นครอบครัวของเขายังประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปิงปองแบบครบวงจร ตั้งแต่ค้าขายอุปกรณ์กีฬาไปจนถึงเปิดอะคาเดมีสร้างนักกีฬาสู่ทีมชาติ
ภาคภูมิ เปิดเผยกับ THE STANDARD SPORT เล่าว่าชีวิตวัยเด็กของเขาก็เหมือนกับเพื่อนๆ ทั่วไป เรียนหนังสือเตะฟุตบอลหลังเลิกเรียน แต่สิ่งที่แตกต่างกันเมื่อกลับถึงบ้านเขาใช้เวลาอยู่กับการฝึกซ้อมเทเบิลเทนนิสเป็นประจำทุกวัน
“ถ้าจำไม่ผิด น่าจะ 6-7 ขวบนะ ที่ผมเริ่มจับไม้ปิงปองฝึกแบบจริงจัง
“เมื่อก่อนพ่อผมทำยิมสอนปิงปองด้วย หลังเลิกเรียนก็จะไปซ้อมที่นั่นทุกวัน ตอนนั้นคุณพ่อได้ตั้งเป็นทีมแข่งแบบจริงจังเลย มีลูกศิษย์เป็นอดีตทีมชาติและแชมป์ประเทศไทย คือ ครูอ๋อย ชนิดา เขียวดอกน้อย อดีตเหรียญทองแดงหญิงเดี่ยวซีเกมส์ปี 1987 และอีกหลายคนมาช่วยกันสอน ก็เลยเหมือนมีทีมชาติมาสอนให้
“แต่ช่วงนั้นยังไม่ได้คิดตีปิงปองแบบจริงจังนะ เน้นตีเป็นงานอดิเรก แต่ว่าช่วงอายุประมาณ 13 ปี มีไปแข่งคัดเลือกเยาวชนทีมชาติแล้วผ่าน จึงได้เข้าไปอยู่ในแคมป์กับทีมชาติ ก็เลยเริ่มจริงจังมากขึ้น”
ภาคภูมิ ใช้เวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาฝีมือไม่นาน ก็ได้ขยับขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรกในเอเชียนเกมส์ปี 1998 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
ซีเกมส์ เพื่อความฝันและครอบครัว
การรับใช้ทีมชาติของภาคภูมิแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลาด้วย ช่วงแรกจากเอเชียนเกมส์ 1998 ถึงซีเกมส์ 2009 ที่ สปป.ลาว ผ่านซีเกมส์ 6 สมัย ประสบความสำเร็จแทบทุกครั้ง ได้ 1 เหรียญทองจากประเภททีมชายในปี 2001 รวมถึง 2 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดงจากประเภทบุคคลจาก
“วันที่คว้าเหรียญทอง เป็นความรู้สึกยิ่งใหญ่มากๆ เหมือนเราทำความฝันให้เป็นจริงได้แล้ว” ภาคภูมิ ฟื้นความทรงจำก่อนเล่าต่ออย่างภาคภูมิใจว่า
“เป็นความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อนะ เพราะในรอบชิงวันนั้นเราเอาชนะสิงคโปร์แชมป์เก่า ซึ่งมีนักกีฬาจีนโอนสัญชาติมาเล่น ในยุคนั้นปิงปองชายมันยากมากๆ ยิ่งถ้าจะไปถึงเหรียญทองแทบเป็นไปไม่ได้ แต่พอทำได้ มันภาคภูมิใจสุดๆ และทำให้เรามีเป้าหมายใหม่ อยากได้เหรียญทองในประเภทชายเดี่ยวหรือคู่ด้วย
“แต่หลังจบซีเกมส์ 2009 ที่สปป.ลาว ได้ตัดสินใจอำลาการรับใช้ทีมชาติไป เนื่องจากต้องไปรับช่วงต่อในการทำธุรกิจปิงปองของครอบครัว”
อย่างไรก็ตาม เขายังคงฝันถึงช่วงการเล่นในนามทีมชาติ และยังทุ่มเทฝึกซ้อมและลงแข่งขันภายในประเทศอยู่เป็นประจำ คว้าแชมป์ประเทศไทยได้อยู่เสมอ กระทั่งปี 2020 ก็มีโอกาสได้กลับมารับใช้ทีมชาติไทยอีกครั้ง ตามคำชักชวนของ ณัฐวุฒิ เรืองเวส นายกสมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย และได้ลงแข่งซีเกมส์อีกครั้งในซีเกมส์ 2021 ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพ (แข่งในปี 2022 เลื่อนมา 1 ปีเพราะไวรัสโควิด-19 ระบาด)
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือภาคภูมิกลับมาในวัย 30 ปลายๆ พร้อมความท้าทายครั้งใหญ่ บนเวทีนานาชาติครั้งแรกในรอบ 12 ปี แต่กลับทำงานได้ดีเกินความคาดหวัง ได้ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง ได้เหรียญครบทุกรายการที่ลงแข่ง นำทีมคว้าแชมป์ประเภททีมชาย ซึ่งเป็นเหรียญทองที่เขาเคยทำได้เมื่อ 21 ปีก่อนอีกด้วย
ภาคภูมิ เผยความในใจอีกว่า “มาถึงวันนี้ยังไม่รู้จะมีโอกาสได้เล่นให้ทีมชาติไปถึงเมื่อไหร่ แต่การได้ลงแข่งซีเกมส์ในไทยอีกครั้งเป็นสิ่งที่พิเศษมากๆ เพราะการเล่นในบ้านเสียงเชียร์ข้างสนามช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้เราได้เยอะ แต่ในปีนี้สำหรับผมมันยิ่งพิเศษกว่าเดิม เพราะหนนี้จะได้แรงเชียร์จากครอบครัว ภรรยาและลูกชาย เดินทางมาเชียร์ถึงขอบสนามเป็นครั้งแรก ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นจับไม้เล่นตีปิงปอง”
“ส่วนเป้าหมายแน่นอนว่าอยากจะคว้าเหรียญทองให้ได้ โดยเฉพาะประเภทชายเดี่ยว ซึ่งผิดหวังมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ครั้งนี้ยอมรับว่าเป็นงานยาก เพราะด้วยอายุของตนบวกกับคู่แข่งก็เก่งมาก”
“แต่ถ้าหากจะมีปีไหนที่จะทำให้สำเร็จได้ ก็คิดว่าต้องเป็นซีเกมส์ครั้งนี้แหละ ถ้าครั้งนี้ไม่ได้มันก็คงจะยากแล้ว”
ถ้าหากภาคภูมิทำได้จริงๆ คงจะเหมือนฉากจบในละครสุดโรแมนติกไม่มากก็น้อย เมื่อในช่วงท้ายอาชีพของนักกีฬาคนหนึ่ง ต่อสู้เพื่อทำความฝันที่รอคอยมานานกว่า 30 ปีให้เป็นจริงได้ จากการแข่งมหกรรมกีฬาในบ้าน และสำเร็จต่อหน้าครอบครัว
ภาคภูมิ บอกว่า “มันคงเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมาก”
คู่ปรับสำคัญ
แต่… สิงคโปร์และเวียดนามคืออุปสรรคสำคัญ เพราะ 2 มหาอำนาจของกีฬาชนิดนี้ในภูมิภาคอาเซียน ต่างพร้อมใจกันขนผู้เล่นที่ดีที่สุดมาไล่ล่าความสำเร็จบนแผ่นดินไทย
ขุมกำลังของทีมตบลูกเด้งเมอร์ไลออนแข็งแกร่งสุดๆ พวกเขายึด 5 ผู้เล่นชุดที่คว้า 3 เหรียญทองซีเกมส์ 2023 นำทีมโดย Izaac Quek ตัวเก่งวัย 19 ปี หนึ่งเดียวที่คว้าเหรียญทองครบทั้ง 3 อีเวนต์ ขณะที่เวียดนาม นำทีมโดย DINH Anh Hoang เจ้าของเหรียญทองคู่ผสมซีเกมส์ที่กัมพูชา
คราวนี้ลองดูมาผลงานคู่แข่งที่ภาคภูมิจะต้องเผชิญหน้าด้วยในประเภทชายเดี่ยว เริ่มจาก Izaac Quek จากสิงคโปร์ ปัจจุบันรั้งอันดับ 146 ของโลก และเคยขึ้นไปถึงมือ 55 ของโลกมาแล้วในปี 2024 ส่วนผลงานในปี 2025 Izaac Quek ลงแข่งขันไปทั้งหมด 14 รายการ จำนวน 44 แมตช์ มีสถิติ ชนะ 23 แพ้ 21 ผลงานดีสุดในซีซั่นนี้ คือการผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย รายการ Singapore Youth Smash 2025
ส่วนประเภทชายเดี่ยวของเวียดนามให้จับตาดู NGUYEN Anh Tu รองแชมป์เก่ามืออันดับ 830 ของโลก ผลงานในปีนี้อาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่ ข้อมูลจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติระบุไว้ว่ามือตบวัย 32 ปี ลงแข่งขันไปเพียง 3 รายการชนะ 1 แพ้ 2 เท่านั้น
ขณะที่ Nguyễn Đức Tuân แม้ว่าข้อมูลในเว็บไซต์ทางการของ ITTF จะได้ระบุผลงานส่วนตัวเอาไว้ แต่เขาคือชายผู้เคยหักอกภาคภูมิในรอบชิงชนะเลิศและครองแชมป์ชายเดี่ยวซีเกมส์ในปี 2021 และคว้าเหรียญทองแดงได้เมื่อ 2 ปีก่อน
แข่งที่ไหน ชิงกี่เหรียญทอง
เทเบิลเทนนิสในซีเกมส์ 2025 ชิงชัยทั้งหมด 7 เหรียญทอง ประเภทชายเดี่ยว-หญิงเดี่ยว, ประเภทชายคู่-หญิงคู่, ประเภททีมชาย-ทีมหญิง และประเภทคู่ผสม แข่งขันระหว่างวันที่ 12-19 ธันวาคมนี้ ที่เวสต์เกต ฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จังหวัดนนทบุรี
สมาคมกีฬาเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งทั้งหมด 10 คน แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 5 คน ประกอบด้วย ภาคภูมิ สงวนสิน, ศรายุทธ ตันเจริญ, ภูริพงษ์ แซ่ลี้, นาวิน เมฆอัมพร, ฐิตภัทร ปรีชาญาณ
และนักกีฬาหญิง 5 คน ประกอบด้วย อรวรรณ พาระนัง, สุธาสินี เสวตรบุตร, จิณห์นิภา เสวตรบุตร, วรรณวิสาห์ เอื้อวิริยะโยธิน และ ธมลวรรณ เขตต์เขื่อน พร้อมตั้งความหวังไว้ที่ 2-3 เหรียญทอง โดยความหวังสูงสุดอยู่ที่ประเภททีมหญิงซึ่งเป็นแชมป์เก่า 2 สมัยล่าสุด
สำหรับ ภาคภูมิ สงวนสิน ผ่านซีเกมส์มาแล้ว 8 สมัย ได้ 2 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน 5 เหรียญทอง จะเป็นตัวแทนทีมชาติไทยลงแข่งขันซีเกมส์ 2025 ทั้งหมด 3 อีเวนต์ เริ่มจากประเภททีมชาย วันที่ 12-14 ธันวาคม, ประเภทชายคู่ วันที่ 16-17 ธันวาคม และประเภทชายเดี่ยว วันที่ 18-19 ธันวาคมนี้
