×

สุขภาพดีไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่คือ “ความมั่งคั่ง” ใหม่ของประเทศไทย

06.11.2025
  • LOADING...

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เมื่อจำนวนผู้เสียชีวิตเริ่มมากกว่าเด็กเกิดใหม่ และคนไทยมีชีวิตที่ยืนยาวแต่ไม่แข็งแรง โลกหลังจากนี้จึงไม่ได้ตั้งคำถามแค่ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ถึงกี่ปี แต่ถามว่า “เราจะมีชีวิตดีได้อีกกี่ปี?”

 

หมอแอมป์-นพ. ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Resort ได้ชักชวนให้ผู้ฟังคิดตามว่า ‘สุขภาพดี’ เป็นไปได้มากกว่าแค่เรื่องส่วนตัว แต่สามารถเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจได้ด้วย บนเวที ‘The Wellness Frontier: Redefining Health, Wealth and the Future of Thailand’ ภายในงาน The Standard Economic Forum 2025

 

วิกฤตสุขภาพที่ซ่อนอยู่ในโครงสร้างประชากร

 

ไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด ภายในปี 2576 เมื่อคนอายุเกิน 60 ปีจะมีสัดส่วนมากกว่า 28% ของประชากรทั้งประเทศ
ในขณะที่ปี 2567 อัตราเด็กเกิดใหม่ลดต่ำสุดในรอบ 75 ปี เหลือเพียง 462,000 คน แต่กลับมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 570,000 คน ผลลัพธ์คือจำนวนประชากรไทยติดลบเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน

 

และแม้คนไทยจะมีอายุขัยเฉลี่ยถึง 77 ปี แต่อายุที่สุขภาพยังดีจริงมีเพียงราว 67 ปีเท่านั้น นั่นหมายความว่าคนไทยใช้เวลาราวหนึ่งทศวรรษสุดท้ายของชีวิตอยู่กับโรคเรื้อรัง ตั้งแต่เบาหวาน ความดัน ไปจนถึงโรคหัวใจ ซึ่งทั้งหมดคือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่คร่าชีวิตคนไทยกว่า 380,000 คนต่อปี เฉลี่ย 44 คนต่อชั่วโมง

 

เมื่อสุขภาพกลายเป็นเศรษฐกิจ

 

“สุขภาพดีแค่ไหนถึงจะทำให้ประเทศมั่งคั่งได้?”

 

ข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ชี้ว่าในปี 2566 มูลค่าเศรษฐกิจเวลเนสทั่วโลกสูงถึง 6.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะพุ่งทะยานเป็น 8.9 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ภายในปี 2571 เติบโตเฉลี่ยปีละ 7.3% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของ GDP โลก (4.8%) อย่างชัดเจน

 

แนวโน้มนี้สะท้อนว่าความมั่งคั่งของชาติในอนาคตอาจไม่ได้วัดกันที่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อีกต่อไป แต่จะวัดกันที่สุขภาวะมวลรวมของประชากร (Gross Wellness of People) การมีพลเมืองที่สุขภาพดี มีผลิตภาพสูง และไม่ต้องใช้ทรัพยากรทางการแพทย์เกินจำเป็น

 

ศักยภาพเวลเนสไทย: จุดแข็งที่โลกจับตา

 

ในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก ไทยคือหนึ่งในดาวรุ่งของเศรษฐกิจสุขภาพ มูลค่าตลาดเวลเนสของไทยล่าสุดแตะ 40.5 พันล้านดอลลาร์ฯ เติบโตถึง 28.4% ในปีเดียวโดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่ขยายตัวกว่า 119.5% ครองอันดับ 2 ของโลก รองจากจีนเท่านั้น

 

เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ Wellness Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบและเป็นเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ปัจจัยนี้

 

  • อาหารไทยเพื่อสุขภาพที่ผู้บริโภคยินดีจ่ายแพงขึ้น 10–20% เพื่อเกษตรอินทรีย์
  • สมุนไพรไทย ที่ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ในอาเซียน มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท
  • การแพทย์แผนไทยทางการแพทย์ ที่ผสานภูมิปัญญาโบราณเข้ากับเทคโนโลยีทันสมัย เช่น MRI และ Shockwave Therapy

 

ขณะเดียวกัน มิติของสุขภาวะจิตวิญญาณก็สำคัญ งานวิจัยยืนยันว่าการฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอสามารถลดระดับฮอร์โมนความเครียด (คอร์ติซอล) ได้ถึง 25–30% สะท้อนว่า “สุขภาวะ” ไม่ได้หมายถึงร่างกายเท่านั้น แต่รวมถึงสมดุลของใจด้วย

 

แนวคิดสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การดูแลสุขภาพในฐานะปัจเจกบุคคล แต่คือการมองสุขภาพในฐานะทุนทางเศรษฐกิจของประเทศ

 

ดังที่ดร. ตนุพล ได้กล่าวว่า เมื่อคนมีร่างกายที่แข็งแรง จิตใจที่มั่นคง และจิตวิญญาณที่ตั้งมั่นในคุณค่า ประเทศก็จะมีพลเมืองที่พร้อมสร้างอนาคตใหม่ไปด้วยกัน เราจะไม่เพียงเป็นคนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ยังเป็น ‘ฟันเฟืองเศรษฐกิจ’ ที่มีศักยภาพสร้างพลังการผลิตและนวัตกรรมใหม่ให้สังคมได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

 

รัฐอาจมีบทบาทในการช่วยสนับสนุน Wellness Ecosystem ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ลืมตาอ้าปาก เพื่อรองรับตลาดที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด สูงถึง 119.5% และครองอันดับสองในภูมิภาค โดยจะกลายเป็น ‘ฟันเฟืองเศรษฐกิจ’ ที่ทรงพลังที่สุด เพื่อสร้างอนาคตใหม่ให้ประเทศไทยในพรมแดนเวลเนสโลก

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising