×

การเมืองในฝัน 3 คนรุ่นใหม่ 3 ขั้วการเมือง ถึง Senior Leader ‘ล้างบางประเทศ-เปิดรับทุกความเห็น-ถ่อมตัวในอำนาจ’

โดย THE STANDARD TEAM
06.11.2025
  • LOADING...
การเมืองในฝัน 3 คนรุ่นใหม่ 3 ขั้วการเมือง ถึง Senior Leader ‘ล้างบางประเทศ-เปิดรับทุกความเห็น-ถ่อมตัวในอำนาจ’

วันนี้ (6 พฤศจิกายน) ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 มีเวที Young Leaders Dialogue เปิดวิสัยทัศน์ของนักการเมืองรุ่นใหม่ ในหัวข้อ New Generation, New Politics การเมืองในฝันของคนรุ่นใหม่ จาก 3 ขั้วการเมือง คือ รักชนก ศรีนอก สส. พรรคประชาชน, ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังค (ดีอีเอส) ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย ดำเนินรายการโดย ชยพล มาลานิยม Content Creator THE STANDARD

 

แรงบันดาลใจและเส้นทางการเข้าสู่การเมือง

 

รักชนก: เข้าสู่การเมืองจากการเห็นเพื่อนลงสมัคร สส. ทำให้รู้สึกว่าคนธรรมดาก็เป็นนักการเมืองได้ เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อน มีคดี 112 และคดีหมิ่นประมาท เป้าหมายคือทำให้พรรคแข็งแกร่งและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ในอนาคต

 

สุชาดา: เติบโตในจังหวัดชัยภูมิ ได้สัมผัสความเหลื่อมล้ำและโอกาสที่ไม่เท่าเทียมจากโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา คุณพ่อเป็นนักการเมือง เคยทำงานในหลายกระทรวงต่างๆ ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เชื่อว่าการเมืองควรเปลี่ยนแปลงได้จริง ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู

 

ชนินทร: มาจากครอบครัวนักการเมือง เป็นบุตรชายของ เกษม รุ่งธนเกียรติ อดีต สส. สุรินทร์ ที่เคยถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง รวม 111 คน จำนวน 5 ปีจากกรณีการยุบพรรคไทยรักไทย เดิมทีไม่สนใจการเมือง ตั้งใจเป็นสถาปนิกและทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผันตัวเข้าการเมืองหลังเห็นปัญหาทางธุรกิจและสังคมในยุครัฐบาลก่อนหน้า เคยเป็น สส. และทำงานในหลายตำแหน่งบริหาร ปัจจุบันเป็นรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย

 

‘สแกมเมอร์’ ปัญหาและความท้าทายทางการเมืองไทย

 

ชนินทร์: สังคมไทยวันนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายทางความคิดและมุมมอง ในอดีต การเมืองมีเพียงสองขั้ว ฝั่งซ้ายกับฝั่งขวา ใครเสียงมากกว่ากำหนดทิศทางประเทศได้ แต่โลกทุกวันนี้เปลี่ยนไป กลุ่มก้อนทางความคิดหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น

 

โจทย์สำคัญของการเมืองยุคใหม่ คือการประสานความร่วมมือ ต้องทำอย่างไรให้คนที่คิดต่าง เห็นต่าง สามารถหาทางออกร่วมกันได้ ยกตัวอย่างตอนทำ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ต้องรับฟังทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายรณรงค์ต่อต้านแอลกอฮอล์และฝ่ายธุรกิจที่มองด้านเศรษฐกิจ สิ่งที่ทำให้กฎหมายสำเร็จคือการพูดคุย หาจุดร่วมที่ทุกฝ่ายยอมรับได้

 

จากพื้นฐานความเป็นสถาปนิก ช่วยให้เข้าใจการฟังผู้อื่น เหมือนการออกแบบบ้านที่ต้องฟังพ่อแม่ลูก ทุกคนในบ้านมีความเห็นต่างกัน สุดท้ายต้องทำให้บ้านออกมาเป็น บ้านที่ทุกคนยอมรับได้ ผู้นำการเมืองยุคใหม่ต้องพูดคุยได้กับทุกกลุ่ม ไม่ยึดอีโก้ เข้าใจเหตุผลของแต่ละฝ่าย และสร้างพื้นที่ตรงกลางให้ร่วมเดินหน้า
เพราะวันนี้ไม่มีพรรคไหนโดดเด่นขาดลอย ต้องร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ
นี่คือโจทย์ใหญ่ของการเมืองไทย ที่ต้องสร้างรัฐบาลเข้มแข็งและแก้ปัญหาได้จริง

 

รักชนก: ในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ พรรคประชาชน เป็นฝ่ายค้าน ได้ตั้งใจที่จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก โดยเมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ จะพยายาม ชี้แนะหนทางแก้ไขให้เสมอ

 

ตัวอย่างเช่น กรณีปัญหา สแกมเมอร์ ที่ สส. รังสิมันต์ โรม เคยเสนอให้ตัดระบบสาธารณูปโภคของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อยับยั้งการขยายตัวของขบวนการ ซึ่งสะท้อนความรู้สึกของฝ่ายค้านว่า รัฐบาลจะเริ่มลงมือทำเมื่อใด ก่อนที่เครือข่ายสแกมเมอร์จะขยายตัวจนยิ่งใหญ่ หรือขยายฐานมายังประเทศไทย

 

ขบวนการสแกมเมอร์จะไม่สามารถเติบโตได้ หากคนที่มีอำนาจไม่ได้ร่วมด้วย โดยคนมีอำนาจในที่นี้หมายรวมถึง นักการเมือง ข้าราชการ ข้าราชการระดับสูง และผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้านได้เดินหน้าเปิดเผยชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องมาตลอด

 

เช่น การเปิดเผยชื่อของ วรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จนนำไปสู่การกดดันทางสังคมและต้องลาออก นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ฝ่ายค้านมีความรู้สึกว่า ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

 

อีกทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตถึงการแต่งตั้ง ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายและทนายความให้กับ เบนจามิน มอเรอร์เบอร์เกอร์ นักธุรกิจต่างชาติที่ถูกพาดพิงถึงประเด็นสแกมเมอร์และทุนสีเทา มาเป็นข้าราชการการเมือง

 

ในเรื่องการตรวจสอบความจริง ประเทศไทยสามารถทำได้มากกว่านี้ โดยยกตัวอย่างถึง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ต่อวินาที ส่วนการประเมินผลการทำงานของฝ่ายค้านนั้น ประชาชนจะเป็นผู้ตอบผ่านคะแนนการเลือกตั้ง

 

สุชาดา: ในฐานะผู้ที่เติบโตมาจากระบบราชการและเข้าสู่การเมืองว่า คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำงานภาครัฐมีความตั้งใจจะเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเผชิญข้อจำกัดจากโครงสร้างระบบที่ซับซ้อนและไม่เชื่อมโยงกัน
สำหรับปัญหาสแกมเมอร์ว่า ประเทศไทยสูญเสียทางเศรษฐกิจราว 3.4% ของ GDP จากข้อมูลของThe Global Anti-Scam Alliance (GASA) ซึ่งศึกษาปัญหาสแกมเมอร์ทั่วโลก ส่วนข้อมูลจากตำรวจไทย พบว่ามีคดีสแกมเมอร์เฉลี่ยวันละ 1,000-1,200 เคส รวมความเสียหายกว่าแสนล้านบาทในช่วง 3 ปี และยังไม่นับคดีที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบ

 

ทั้งนี้ ระบบที่ไม่มีศูนย์กลางข้อมูล (No Central Pool) คือปัญหารากของประเทศ เพราะแต่ละหน่วยงานทำงานแยกกัน ทำให้การแก้ไขต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ไม่สามารถสั่งการได้โดยตรง พร้อมทั้ง ชื่นชมรักชนก” ที่ออกมาพูดแทนประชาชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้ (Awareness) ต่อปัญหานี้ ระบบราชการไทยไม่ใช่ระบบที่ล้มเหลว แต่เป็นระบบที่ซับซ้อน จนบางครั้งทำให้คนดี คนเก่งท้อใจ

 

จากประสบการณ์ทำงานเกือบ 10 ปีในราชการ ก่อนเข้าสู่การเมือง สุชาดายืนยันว่า คนตั้งใจดีมีอยู่จริง แต่ด้วยโครงสร้างเก่าที่สืบทอดมานาน และความไม่เสถียรทางการเมือง ทำให้นโยบายดีๆ เดินหน้าได้ยาก โดยเฉพาะการแก้ปัญหาสแกมเมอร์

 

ส่วนแต่งตั้งบุคคลเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองในบางตำแหน่งนั้นเป็น มีโควตาพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรีไม่ได้แต่งตั้งเพียงลำพัง แต่ต้องอาศัยข้อตกลงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล

 

ในส่วนงานที่เธอรับผิดชอบ รัฐมนตรีเป็นคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจจริงแม้บางคนตั้งคำถามเรื่องการออกมาประกาศไม่รับสินบน แต่ยืนยันว่าเป็นความจริงใจ และขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินการแล้ว

 

ประเทศไทยกลายเป็นสวรรค์ของนักลงทุน และในขณะเดียวกันก็เป็นสวรรค์ของสแกมเมอร์ เพราะระบบการเงิน และธุรกรรมเปิดกว้างเกินไป ไม่มีระบบตรวจสอบเข้มเหมือนประเทศสิงคโปร์ ธนาคารแต่ละแห่งไม่เชื่อมโยงข้อมูลกัน ทำให้ติดตามธุรกรรมต้องใช้เวลาและขาดประสิทธิภาพ

 

รัฐมนตรีดีอีเอสจึงมีนโยบายให้ทุกธนาคารเชื่อมข้อมูลธุรกรรมเข้าสู่ระบบกลาง แม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยเองยังมีข้อจำกัด หากเป็นธุรกรรมต่ำกว่า 2 ล้านบาท ธปท. ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ครบถ้วน

 

ในระดับนานาชาติ ไทยเพิ่งลงนามอนุสัญญาต่อต้านสแกมเมอร์และค้ามนุษย์ ที่ประเทศเวียดนาม โดยมีมากกว่า 70 ประเทศเข้าร่วม รวมถึงสหภาพยุโรป (EU) และกัมพูชา ซึ่งหลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการสัตยาบัน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ร่วมกันในระดับสากล

 

การแก้ปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ทั้งตำรวจ ดีอีเอส ปปง. ก.ล.ต. ธปท. รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่เกี่ยวข้องโดยตรง สัปดาห์หน้า รัฐมนตรีจะเชิญ สส. ที่เคยอภิปรายหรือมีข้อมูลเกี่ยวกับสแกมเมอร์ เข้ามาให้ข้อมูลเพื่อประกอบการดำเนินคดี ภายใต้

 

พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจสูงสุดในการจัดการเรื่องนี้
สุดท้ายหากถามว่า การทำงานในระบบแบบนี้อึดอัดหรือไม่ ในฐานะคนรุ่นใหม่ ดิฉันคิดว่าทุกคนที่อยู่ในรุ่นเดียวกันคงตอบเหมือนกันว่า ต้องปรับ และต้องเปลี่ยนวิธีทำงาน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณค่าหลัก (Core value) ที่เรายึดไว้ ความตั้งใจจริงที่จะทำให้ประเทศดีขึ้น วิธีการอาจเปลี่ยนไป แต่เป้าหมายต้องไม่เปลี่ยน

 

บทบาทของคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนการเมืองไทยควรเป็นอย่างไร ในช่วงที่ประเทศกำลังจะเข้าสู่ปีแห่งการเลือกตั้ง และประชาธิปไตยที่คึกคัก

 

สุชาดา: สิ่งที่ดิฉันเข้ามาทำการเมือง ไม่ใช่เพราะอยากมีตำแหน่ง ไม่ได้สนใจว่าจะต้องเป็น สส. เลขานุการรัฐมนตรี หรือมีอำนาจทางการเมืองใด ๆ แต่เชื่อว่าคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำงานการเมืองทุกคน ล้วนมีคุณค่าหลักของตัวเอง มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง เหมือนกับดิฉัน

 

ดิฉันมาจากจังหวัดชัยภูมิ เติบโตมาท่ามกลางความเหลื่อมล้ำ เห็นช่องว่างทางโอกาส เห็นโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่สมเหตุสมผล และเห็นการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ทั่วถึง ดิฉันจึงคิดอยู่เสมอว่า คนเรามีสองสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความฝัน กับ หน้าที่ และเราควรทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ให้เสียงของเรามีความหมายมากที่สุด จนสามารถสร้างสิ่งที่จับต้องได้ ให้เกิดขึ้นจริง

 

ดิฉันอยากเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟังที่ชัยภูมิ มีถนนสายหลักเส้นหนึ่ง จากโคราชมาชัยภูมิ เป็นสี่เลน แต่พอถึงเขตชัยภูมิก็ตัดเหลือสองเลน ไม่มีไหล่ทาง แล้วไปเป็นสี่เลนอีกทีตอนถึงลพบุรี เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนโต ตอนนั้นคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติ

 

จนวันที่ได้เข้ามาทำงานทางการเมือง มีโอกาสใกล้ชิดกับคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ดิฉันเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า ที่ผ่านมา เราได้ทำอะไรบ้าง แม้ไม่ได้เป็น สส. แต่ดิฉันพูดเรื่องนี้ทุกวัน ผลักดันซ้ำแล้วซ้ำอีก จนในที่สุดถนนเส้นนั้นก็ขยายเป็นสี่เลน และบางช่วงเป็นแปดเลน เพราะเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้จำนวนมาก

 

เมื่อก่อนคนตายแทบทุกวัน เพราะไม่มีไหล่ทาง รถชนกัน หรือไปโรงพยาบาลไม่ทัน วันที่ดิฉันขับรถผ่านถนนเส้นนั้นหลังสร้างเสร็จ น้ำตาไหลเลย อาจฟังดูเว่อร์ แต่เป็นเรื่องจริง เพราะนี่คือสิ่งที่จับต้องได้ ตอนนั้นใช้งบประมาณเกือบ 4,000 ล้านบาท ซึ่งถนนแบบนี้จังหวัดอื่นเขามีกันมานานแล้ว การไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เหมือนทำให้บ้านเราย้อนกลับไป 20 ปีจากกรุงเทพฯ หรือ 10 ปีจากโคราช การลงทุนก็ไม่เกิด การศึกษาก็เข้าถึงยาก ทุกอย่างลำบากไปหมด

 

เพราะฉะนั้น ดิฉันเชื่อว่า สิ่งที่จับต้องได้ จากอำนาจ หน้าที่ และโอกาสที่เรามี คือสิ่งที่คนรุ่นใหม่ทุกคนควรมองว่าเป็นความรับผิดชอบของตัวเองในฐานะนักการเมือง ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม

 

ตอนนี้ดิฉันทำหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ดีอีเอส ก็พยายามทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตั้งใจทำจะดีพอสำหรับคนอื่นหรือไม่ แต่ดิฉันทำด้วยความจริงใจ

 

เชื่อว่าคนรุ่นใหม่ทุกคนที่เข้ามาทำงานการเมือง ต่างมีสิ่งเดียวกัน คือ ‘ความหวังต่อประเทศ’ (Hope for the country) ดิฉันเชื่อว่า ความหวังนี้จะเป็นพลังให้คนรุ่นใหม่อีกมากมายเข้ามาทำงานทางการเมือง เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าในประเทศไทยหรือที่ใดในโลก เราไม่สามารถพูดได้ว่าเราไม่สนใจการเมือง เพราะการเมืองอยู่ในทุกที่จริงๆ

 

ชนินทร์: การแต่งตั้งคนหลายตำแหน่งนั้นเป็นระบบโควตาพรรคการเมือง ท่านใดจะเสนอมา ท่านนายกฯ ปฏิเสธไม่ได้ ต้องทำตามนั้น สมัยเพื่อไทย ไม่เป็นอย่างนั้น มีหลายคนที่เสนอแต่งตั้งในรัฐบาลชุดนี้

 

แต่รัฐบาลที่แล้วเราปฏิเสธที่จะแต่งตั้ง เพราะมันเป็นที่ประจักษ์ว่าไม่สมควรเข้าสู่ตำแหน่ง ก็ยืนยันว่าเป็น เจตจำนงทางการเมือง ถ้าเราไม่ผูกมัดตัวเองกับระบบโควตา แต่คิดถึงประเทศ จริงๆ บางอย่างก็ต้องกล้าตัดสินใจ และต้องทำให้เกิดความชัดเจน

 

ส่วนเรื่องที่พูดถึงการประชุมร่วมเกี่ยวกับสแกมเมอร์ต่าง ๆ ตนเองไม่แน่ใจว่ารัฐบาลที่แล้วทำอย่างไร แต่รัฐบาลนี้ท่านรัฐมนตรีสั่งการเอง ฉับๆ ๆ ผมก็พูดตรงไปตรงมาว่า ถ้าย้อนไปดูข้อมูล ในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล คนพูดกันหมดครับว่าตัวเลขการโทรหลอกลวง หรือ Call Center Scam หายไปเยอะมาก

 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นและไม่น่าสบายใจก็คือ พอเปลี่ยนรัฐบาล มันกลับมาอีกจริงๆ ลงพื้นที่ที่ไหนก็มีคนบอกว่าถูกโทรมาหลอกลวงเพิ่มขึ้นจริงๆ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ามันเกิดจากเหตุผลอะไร แต่ในอดีตเราพยายามเต็มที่ และเคยถูกพูดด้วยซ้ำว่าความจริงจังของเรากับเรื่องนี้ เป็นหนึ่งในชนวนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา

 

ผมก็ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันรัฐบาลมีความตั้งใจจะแก้ปัญหานี้มากน้อยแค่ไหน หรือปล่อยปละละเลยจนให้เรื่องกลับมาได้อย่างไร แต่ถ้าจะเชิญชวนกันไปร่วมงานนะครับ ผมในนามพรรคเพื่อไทย ยินดีจะเอารัฐมนตรีคนเก่ากลับมาเป็นรัฐมนตรีใหม่ ผมก็ยังยินดีนะครับ ผมว่าอาจทำให้เห็นผลชัดเจนขึ้นด้วยซ้ำ

 

มีคุณค่าหลักบางอย่างของเพื่อไทยที่สืบทอดมาจากไทยรักไทย และเรายังคงยึดมั่นในแนวทางนั้น คือเราขายการเมืองเชิงนโยบาย เราเป็นพรรคแรกในสมัยไทยรักไทยที่ชูนโยบายหาเสียงในเชิงปฏิบัติ เป็นนโยบายที่กินได้ เป็นนโยบายที่พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์จริง

 

หลายเรื่องที่เราทำสำเร็จในอดีต ก็ยังเป็นคุณูปการจนถึงวันนี้ และไม่มีใครยกเลิก ทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรค โอทอป หรือกองทุนหมู่บ้าน ล้วนเป็นนโยบายที่แก้ปัญหาพี่น้องประชาชนได้จริง และยังดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน

 

ในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย เราก็พยายามทำหลายอย่าง เรากล้าคิด กล้าฝัน กล้านำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่ของสังคม เปลี่ยนโครงสร้างทางธุรกิจและสังคมในประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองเอง เรามองตัวเองเหมือน Startup เหมือน SME ที่มีความฝันอยากทำเรื่องใหญ่ แต่มีข้อจำกัดหลายอย่างที่กลายเป็นอุปสรรค

 

เราพบทั้งคู่แข่งบางกลุ่ม กลไกรัฐบางส่วน หรือผู้เสียประโยชน์บางฝ่ายที่ออกมาต่อต้าน ทำให้เราต้องล้ม แต่ด้วยจิตวิญญาณของไทยรักไทยและเพื่อไทย เราก็ลุกขึ้นใหม่เสมอ หลายอย่างที่เป็นเรื่องยาก เราก็ยังตั้งใจจะทำให้สำเร็จ และจะขายนโยบายต่อไป เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมและการเปลี่ยนแปลงในสังคม

 

ถามว่าสังคมไทยหรือพรรคการเมืองไทยในอนาคตควรเป็นอย่างไร ผมคิดว่าเราควรเชิญชวนทุกพรรคการเมืองให้ทำในแนวทางเดียวกัน เราเห็นพรรคประชาชน พรรคก้าวไกล หรือพรรคอนาคตใหม่ในอดีต ต่างก็พยายามขายนโยบาย ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม

 

เราเองในฐานะไทยรักไทย-เพื่อไทย ก็มีนโยบายอีกรูปแบบหนึ่งที่เข้มข้นไม่แพ้กัน และพยายามทำให้สำเร็จให้ได้ ผมให้กำลังใจทุกพรรค เหมือนให้กำลังใจ Startup ทุกคน ว่าความผิดพลาดหรือล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าเรายังมีความฝัน มีเป้าหมาย เราก็ต้องลุกขึ้นใหม่ และหาทางทำให้สำเร็จ

 

พรรคเพื่อไทยในอนาคตก็จะยังคงเดินหน้านำเสนอนโยบายเหมือนเดิม เรามีการพูดคุยกันแล้วว่าเรายังมุ่งมั่นสร้างโอกาส ให้พี่น้องประชาชนเหมือนเดิม โดยเฉพาะการแก้หนี้ การล้างหนี้ที่จะช่วยให้ประชาชนจำนวนมากพ้นจากกับดักหนี้ ทั้งในและนอกระบบ

 

เราพยายามผลักดันเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา ทำไปได้มากแล้ว แต่ยังไม่ถึงที่สุด รวมถึงนโยบายการซื้อหนี้ประชาชนที่เรานำเสนอไปแต่ยังไม่ถูกทำให้เป็นรูปธรรม ซึ่งเข้าใจว่ารัฐบาลปัจจุบันก็กำลังพยายามหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นและดำเนินการต่อ

 

รักชนก: ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบัน ยังไม่ได้เป็นตัวแทนของคุณทุกกลุ่มอย่างแท้จริง โดยมีการแบ่งออกเป็นชนชั้นผู้นำ ชนชั้นนายทุนรุ่นใหม่ที่พยายามเข้าถึงอำนาจรัฐ และฝ่ายที่ต้องการจะเป็นรัฐบาลครอบครองอำนาจเสมอ จึงเป็นคำถามสำคัญว่า จะทำอย่างไรให้มีตัวแทนของทุกฝ่ายอย่างแท้จริง

 

พรรคประชาชนมองไปในอนาคตว่า อยากเป็นรัฐบาลเพื่อทำตามเจตจำนงของประชาชน ด้วยความเบื่อหน่ายที่ต้องมานั่งฟังภาครัฐบอกว่าติดขัดเรื่องต่างๆ แต่ต้องการเข้าไป ขับเคลื่อนและลงมือทำ แม้เราจะไม่ได้เป็นรัฐบาล ภารกิจแห่งยุคสมัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การเปลี่ยน Eco System ทางการเมือง

 

การเปลี่ยน Eco System คือการทำให้คนในประเทศไม่ว่าจะเกิดในตระกูลไหน ชนชั้นไหน ครอบครัวแบบใด กลับมาศรัทธาในระบบความรู้ความสามารถอีกครั้งหนึ่ง พรรคประชาชนมีแนวคิดที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีที่มีประวัติ ไม่โอเวอร์เกินจริง แต่คนเหล่านั้นต้องมีความรู้ความสามารถตรงสาย ตรงกระทรวง มี Passion หรือเคยขับเคลื่อนในเรื่องนั้นมา นี่คือสิ่งที่ต้องการให้กลับมาเป็นความปกติในประเทศไทย คือการที่ผู้ที่มีความสามารถในด้านนั้นๆ ควรจะมาขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเอง

 

ภารกิจแห่งยุคสมัยคือทำให้ คนรุ่นใหม่เชื่อว่า การที่พวกเขาตั้งใจเล่าเรียนและเข้าถึงประสิทธิภาพสูงสุดของตัวเอง เขาจะได้อยู่ในที่ที่ดีที่สุดสำหรับเขา และทำให้คนรุ่นเก่าเชื่อว่า บ้านเมืองเราไม่ต้องอยู่ได้ด้วย ระบบอุปถัมภ์เสมอไป หากอยากได้ประเทศใหม่ๆ วิธีคิดใหม่ๆ แต่ยังติดอยู่ที่ ลูกใคร หลานใคร เงินเท่าไหร่ ประเทศจะไปได้ไม่ไกล

 

ภารกิจส่วนตัว คือการทำให้ คนมีความรู้ความสามารถหรือคนรุ่นใหม่เชื่อว่าเขาสามารถเข้ามามีอำนาจทางการเมืองได้โดยไม่ต้องมีต้นทุนทางสังคมใดๆ เพียงแค่มีความสามารถ มีแรงบันดาลใจเป็นที่หนึ่งในด้านนั้น ไม่ต้องมีนามสกุล หรือเงินถุงเงินถัง ก็สามารถเข้ามาที่พรรคประชาชนและนำเสนอนโยบายได้ พรรคพร้อมจะจัดตำแหน่งให้คนในสิ่งที่อยากทำได้เสมอ ซึ่งสิ่งนี้คือ ความปกติที่พรรคอยากมอบให้กับสังคมไทย

 

สิ่งที่จะสื่อสารถึง Senior Leader ของประเทศไทย


รักชนก: ดิฉันไม่ได้อยากจะบอก Senior Leader โดยเฉพาะนะคะ เพราะเขาไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของดิฉัน สิ่งที่อยากจะบอกจริงๆ คืออยากพูดกับทุกคน ว่าประเทศนี้เราล้างบางได้ หมายถึงสิ่งที่ทุกคนรู้สึกว่ามันไม่ดี มันเน่า และฝังรากลึกอยู่ในระบบ เราช่วยกันล้างบาง มันได้จริงๆ เริ่มจากการวางหมุดหมายใหม่ ใส่ก้อนแรกลงไป แล้วช่วยกันเรียงต่อให้ประเทศนี้ดีขึ้น สวยงามขึ้น ในแบบที่เราฝันไว้ ดิฉันเชื่อว่ามันทำได้จริง ๆ ขอแค่ทุกคนเชื่อและร่วมมือกัน

 

ชนินทร์: ผมคิดว่าไม่ได้หมายถึงแค่ Senior Leader หรอกครับ แต่หมายถึง ผู้นำทุกระดับเลย โจทย์ของยุคสมัยนี้คือ Collaboration การร่วมมือกันมากกว่าแข่งขันกัน ในฐานะผู้นำ ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหน สิ่งสำคัญคือ เปิดประตูให้มากที่สุด เปิดรับคนใหม่ๆ เข้ามามีส่วนร่วม ทำงานร่วมกัน อย่าพยายามแบ่งฝักฝ่าย แบ่งซ้าย แบ่งขวา หรือแบ่งเขาแบ่งเรา เพราะสิ่งนั้นทำให้เราเดินหน้าต่อไม่ได้ สิ่งที่ประเทศต้องการวันนี้คือ การร่วมไม้ร่วมมือ จากทุกภาคส่วน ผมเชื่อว่านั่นแหละคือทางออกของยุคสมัยข้างหน้า

 

สุชาดา: สำหรับดิฉัน อยากฝากถึงทุกคนที่อยู่ในอำนาจ ไม่ว่าจะตำแหน่งเล็กหรือใหญ่ว่า ควรมีความถ่อมตัวในอำนาจ เพราะไม่มีใครทำงานได้เพียงลำพัง และความคิดของเราไม่ได้ถูกทั้งหมดเสมอไป ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม ความถ่อมตัวจะเปิดใจให้เรารับฟัง เปิดทางให้คนรุ่นใหม่ หรือคนที่มีความรู้ ความดี ความสามารถ เข้ามาช่วยกันบริหาร และพัฒนาประเทศได้จริงๆ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising