×

วิโรจน์สงสัยเปิดแคมเปญ ‘มีเราไม่มีเทา’ แล้วทำไมมีคนดิ้นเยอะ ย้ำพรรคประชาชนสืบสาวตรงไปตรงมา

โดย THE STANDARD TEAM
05.11.2025
  • LOADING...
วิโรจน์สงสัยเปิดแคมเปญ ‘มีเราไม่มีเทา’ แล้วทำไมมีคนดิ้นเยอะ ย้ำ พรรคประชาชนสืบสาวตรงไปตรงมา

วันนี้ (5 พฤศจิกายน) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเตือนถึงแคมเปญรณรงค์หาเสียงของพรรคประชาชน “มีเราไม่มีเทา” ให้ระวังในตอนจัดตั้งรัฐบาล

 

วิโรจน์ย้อนถามว่า แล้วพรรคเพื่อไทยเขาจะเอาเทาหรือ ถ้าเพื่อไทยไม่เห็นด้วย ก็ทำแคมเปญได้ ว่า “มีเพื่อไทยก็มีเทา” ส่วนตัวคิดว่า เทาของเรา คือในเรื่องของสิ่งผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะจะเป็นการค้ามนุษย์ ยาเสพติด สแกมเมอร์ การหลอกลวงออนไลน์ ธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ที่เราคิดว่าเงินสกปรกเหล่านี้ ทุนสีเทาเหล่านี้ ไม่ควรจะเคลื่อนเข้ามายึดกลุ่มประเทศของเราผ่านกลไกทางการเมือง

 

“ไม่ว่าจะเป็นการเอานักการเมืองเข้ามาเป็นเครือข่าย จนกลายเป็นนักการเมืองสีเทา เงินสกปรกไปซื้อเสียง ไปซื้อตำแหน่งให้กับข้าราชการระดับสูง เอาข้าราชการระดับสูงมาเป็นลูกสมุน เป็นมือเป็นไม้ในการรับใช้ และเอานักการเมืองสีเทา ไปผลิตนโยบายเพื่อเอื้อ ประโยชน์ให้กับทุนสีเทา ที่เอาเงินมายึดประเทศ ผ่านการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือเข้ามาลงทุนในธุรกิจต่างๆ หรือเอาเงินที่สกปรกต่างๆ เหล่านี้ มาซื้อธุรกิจเพื่อฟอกเงิน แล้วตัดราคาทุ่มตลาดเพื่อทำลาย ธุรกิจของคนไทย”

 

▪️ย้อนถามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเก็บสีเทาไว้ร่วมรัฐบาลหรือ

 

วิโรจน์ตั้งคำถามกลับไปยังหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่จริงๆ คิดว่าท่านจะต้องมีความตระหนักมากกว่าใคร เพราะเคยดำรงตำแหน่งถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่รู้พิษร้ายและภัยความมั่นคง ของทุนสีเทาข้ามชาติเป็นอย่างดี ดังนั้น ต้องถามท่านกลับ และให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายมาเลย “มีเพื่อไทยมีเทาแน่นอน” ก็จะให้ประชาชนเลือกว่า ถ้าเลือกเพื่อไทย ก็จะเจอทุนเทายึดประเทศเข้ามาทำลายธุรกิจไทย เข้ามาสร้างนักการเมืองสีเทา ซึ่งข้าราชการสีเทา และบ่อนทำลายประเทศ ถ้าชอบแบบนี้ก็เลือกเพื่อไทย

 

วิโรจน์ย้ำว่า โจรสแกมเมอร์ที่หลอกลวงเอาเงิน ของคนไทยไปปีหนึ่งกว่า 115,300 ล้าน ถูกล้วงกระเป๋าทุกวัน จำนวนนั้น 1 ใน 5 คือผู้สูงอายุ คือพ่อแม่ปู่ย่าตายายของพวกเรา และมีการประเมินว่าโดยเฉลี่ยต่อรายที่โดน คือกว่า 100,000 บาทเศษ เป็นกลุ่มทำงาน 70,000 กว่าบาท แต่ถ้าโฟกัสเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ก็ 400,000 กว่าบาท ดังนั้น สแกมเมอร์มีกลุ่มเป้าหมายไปที่ปู่ย่าตายายของเรา ที่เขาไม่สามารถหารายได้ในยามบั้นปลาย ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว จึงขอตั้งคำถามว่า พรรคเพื่อไทยจะเก็บทุนสีเทาเอาไว้ร่วมรัฐบาลหรือ

 

วิโรจน์กล่าวต่อไปว่า ไม่ได้อยากให้เรียกว่าเป็นแคมเปญ แต่อยากให้เป็นสามัญสำนึกของนักการเมืองที่พึงจะมี เพราะเวลาเรียกว่าแคมเปญนั้นรู้สึกว่าเบาไป แต่เป็นสามัญสำนึกที่รับผิดชอบทางการเมือง ที่ประชาชนมอบให้ ซึ่งคำว่า “เทา” ของเรา ไม่ได้พุ่งเป้าว่าเป็นนาย ก. หรือนาย ข. แต่หมายถึงระบบป้องกันที่ไม่ให้ทุนสีเทาเข้ามาเป็นภัยร้ายกับประชาชนและผู้ประกอบการ ดังนั้น ถ้าหากเราจะต้องจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็จะต้องมีนโยบายในเรื่องนี้ที่ชัดเจน ว่าจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันและปราบปรามทุนสีเทา สแกมเมอร์เหล่านี้ ให้สิ้นซาก

 

“แบบนี้พรรคเพื่อไทยไม่เอาหรือ ถ้าเรายื่นเงื่อนไขแบบนี้ในการจัดตั้งรัฐบาล หรือเพราะพรรคเพื่อไทยเกรงใจ ว่าถ้าสาวไปสาวมา กลัวว่าจะเจอใครที่เป็นกลุ่มก้อนของตัวเอง” วิโรจน์กล่าว

 

วิโรจน์ชี้ว่า พรรคประชาชนยืนยันว่าเราจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ถ้าเจอใครก็ต้องจัดการ ต่อให้คนนั้นที่เราจะเคยรู้จัก ซึ่งในแวดวงการเมือง อาจจะมีการโยงเส้นทางทางการเงิน แล้วจะไปเจอใครที่บังเอิญรู้จัก หรือเพิ่งจะมารู้ว่าคนนี้ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับภัยร้ายแบบนี้ ก็ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา

 

▪️นโยบายปราบทุนเทาต้องคิดอย่างเป็นระบบและรอบคอบ

 

สำหรับแนวนโยบายของพรรคประชาชนนั้น วิโรจน์กล่าวว่า ต้องรอการพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งการจัดการกับทุนเทาและสแกมเมอร์ถือว่าเป็นรากฐานสำคัญ ถ้าจัดการไม่ได้ และคนไทยถูกล้วงกระเป๋าทุกวัน วันละกว่า 3 แสนล้านบาท รวมถึงต้องมีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ต้องทำให้มั่นใจได้ก่อนว่า ดอกเบี้ยและสัญญาที่ประชาชนทำไว้กับสถาบันการเงินมีความเป็นธรรม จากนั้นคิดว่า จะทำอย่างไรให้ประชาชนชำระหนี้ได้ เรื่องนี้ต้องมีความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วย ที่จะเข้ามาตรวจสอบว่าสถาบันการเงินมีการคิดดอกเบี้ยที่เป็นธรรมหรือไม่

 

จากนั้น จะต้องมีการส่งเสริมการลงทุน และดึงเงินจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมและนวัตกรรม รวมถึงส่งเสริมนักลงทุนของไทยให้สามารถเติบโตได้ นอกจากนี้ จะต้องมีการลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนอย่างเป็นธรรม เช่น ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น ซึ่งถ้าเราทำเรื่องเหล่านี้ได้พร้อมกัน นี่คือการคิดอย่างเป็นระบบ แต่ขอให้อดใจรอ ทีมเศรษฐกิจของประชาชน พร้อมยืนยันว่าพรรคประชาชนไม่เคยคิดนโยบายเศรษฐกิจที่เอื้อให้กับนายทุน หรือจะต้องไปเกรงใจในทุนสีเทากลุ่มใด

 

▪️ย้อนกล้าธรรม ถ้าไม่เทาก็ไม่ต้องออกอาการ

 

เมื่อสื่อมวลชนถามถึงความขัดแย้งระหว่างพรรคกล้าธรรม และพรรคประชาชน วิโรจน์กล่าวว่า แต่ละคนต้องตรวจสอบซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องที่ดีของประชาชนที่จะได้ข้อมูลที่โปร่งใส ซึ่งส่วนตัวมั่นใจใน รักชนก ศรีนอก สส. กทม. พรรคประชาชน อยู่แล้ว เพราะรู้จักและทำงานร่วมกันมา ซึ่งเขาพร้อมเปิดอยู่แล้ว และ ไผ่ ลิกค์ สส. กำแพงเพชร เลขาธิการพรรคกล้าธรรม ก็มาร่วมเปิดเผยด้วย โดยหากพบอะไรที่เป็นข้อบกพร่องที่อธิบายได้ ก็แก้ไขปัญหากันไป แต่หากเกี่ยวข้องกับปัญหาอาชญากรรม และทำธุรกิจผิดกฎหมาย ก็ต้องกวดขันกันไป

 

“ถ้าแชทหลุดออกไป อย่างมากก็มีการแซวเรื่องลิเวอร์พูลบ้าง แซวแมนยูฯ บ้าง และเป็นข้อมูลการทำงานที่เปิดเผยได้อยู่แล้ว แต่อาจจะเป็นคำที่เป็นกันเองหน่อย อาจจะมีการใช้คำพูดแบบชื่อย่อบ้าง หรือเป็นคำพูดลำลองสบายๆ ตามที่เปิดเผย ผมก็ดูอยู่ ไม่ได้มีเนื้อหาสาระอะไรที่ผิดกฎหมาย” วิโรจน์กล่าว

 

ส่วนการเปิดแคมเปญ “มีเราไม่มีเทา” เป็นการบีบให้พรรคภูมิใจไทยเลือกระหว่างพรรคประชาชน และพรรคกล้าธรรม ในการเลือกตั้งสมัยหน้าหรือไม่ วิโรจน์ระบุว่า ก่อนจะตอบคำถามดังกล่าว รู้สึกสงสัยกันหรือไม่ว่า ทำไมเปิดแคมเปญนี้ แล้วมีคนดิ้นเยอะจังเลย ถ้าไม่เทาก็อยู่เฉยๆ เพราะเราไม่ได้บอกว่า ใครคือเทา ใครคือดำ ซึ่งตอนนี้มีคนเดือดร้อนกันเยอะไปหมด

 

วิโรจน์กล่าวอีกว่า ถ้าไม่เทาก็ไม่ต้องกลัว ถ้าไม่เทาต่างคนก็ต่างทำงานกันต่อ ตนก็พร้อมถูกตรวจสอบ ถ้าสังเกตดูพรรคประชาชนไม่เคยจับผิด หรือหยิบยกเอาเรื่องเล็กๆ หรือเอานิติสงครามไปนั่งไล่ว่า ผิดระเบียบ มีใบหรือไม่ ความผิดพลาดเชิงธุรการเราไม่มี แต่เราจะจับผิดแต่เรื่องใหญ่ เชื่อมโยงระหว่างหลักฐานกับ หลักฐาน และทำแต่เรื่องที่มีนัยยะสำคัญต่อเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ

 

“ถ้าท่านใดไม่เทา ท่านก็เก็บอาการนิดหนึ่ง อยู่เฉยๆ ยืนตรงๆ ก็ไม่ต้องสั่น ไม่ใช่มือสั่นระริกระรี้ เดี๋ยวคนเขาจะตั้งข้อสังเกต ตั้งคำถามอีก” วิโรจน์กล่าว

 

ขณะที่ข้อสังเกตได้ว่า พรรคประชาชนตรวจสอบแต่พรรคกล้าธรรม ไม่ตรวจสอบพรรคภูมิใจไทย วิโรจน์กล่าวว่า เราไม่เคยไปโฟกัสที่พรรคกล้าธรรม เราพูดภาพรวมว่า ต้องตรวจสอบตามระบบ ก็งงว่า ทำไมพรรคกล้าธรรมถึงตอบสนอง มีปฏิกิริยาของพรรคกล้าธรรมเอง พวกเราไม่ได้กล่าวหา จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้กล่าวหา แต่เป็นการตั้งข้อสังเกต ซึ่งถ้าไม่มีอะไร ท่านก็อย่ามีปฏิกิริยาตอบสนอง และตนเข้าใจว่ารักชนกไม่เคยพูดชื่อย่อบ่อยครั้ง หากจะพูด ก็ปรากฏเป็นข่าวมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งไม่ใช่แค่พรรคประชาชนตั้งข้อสังเกต แต่เป็นการตั้งข้อสังเกตร่วมกันจากประชาชน ลองไปดูการแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดีย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising