วันนี้ (4 พฤศจิกายน) จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส. เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการปล่อยแคมเปญหาเสียงเพื่อเตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งครั้งถัดไปว่า ในมิติของนโยบาย ตนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยล้ำหน้าพรรคอื่นไปเยอะ เพราะเรามีคณะทำงานที่ทำกันมาเป็นเดือนแล้ว นำโดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช แกนนำพรรคเพื่อไทย คิดนโยบายที่ถูกใจประชาชน ซึ่งโจทย์แรก คือ back to basic กลับสู่สิ่งที่ทำให้ประชาชนได้เข้าใจและสัมผัสได้ง่าย ซึ่งตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน
เราจะมีการทำเวิร์คช็อป 2 ระดับ คือ 1. ในระดับสส. ที่จะมาร่วมเวิร์คช็อปในนโยบายต่างๆ 2. นโยบายบางประเภทที่อาจจะลงไปพบปะเพื่อพูดคุยว่าแนวนโยบายที่เราคิดมาตรงหรือไม่ และมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อปรับเปลี่ยนอย่างไร เชื่อว่านโยบายนี้จะเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ที่จะตอบโจทย์ให้กับพี่น้องประชาชนได้
จุลพันธ์กล่าวว่า ส่วนการออกแคมเปญ ขอให้รอฟัง เราเปิดแย้มๆ มาแล้ว คือสร้างโอกาส ล้างหนี้ มีกิน ซึ่งนโยบายของเรายังเป็นเรื่องปากท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชน ส่วนของพรรคประชาชนที่ออกมาว่า ‘มีเทาไม่มีเรา’ ก็เป็นแนวทางของเขา
“พรรคเพื่อไทยพยายามบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าการตั้งรัฐบาลให้คิดให้รอบคอบ เพราะเราก็รู้กันอยู่ว่าองคาพยพของการจัดตั้งรัฐบาล และองค์ประกอบของพรรคร่วมรัฐบาลคืออะไรบ้างตั้งแต่ต้น ไม่ได้เป็นข้อปิดบังอะไร แล้วจะมาเป็นห่วงว่าตอนนี้เป็นสีเทาหรืออะไร ก็เป็นคนตั้งมาเอง ตรงนี้เราได้เตือนไว้ตั้งแต่ต้น ฉะนั้นก็คงต้องให้ทางพรรคประชาชนพิจารณาให้ดี แล้ววันนี้เราก็เดินหน้าตรวจสอบจริงจัง ทุกพรรค ทุกคนที่มีการกล่าวหากันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ตรวจสอบบางกลุ่ม บางคน ก็ขอให้รอดูการทำงาน โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ” จุลพันธ์กล่าว
ส่วนผลโพลของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยยังนำอยู่พรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร จุลพันธ์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเพิ่งมีการเปลี่ยนแปลง เราเพิ่งยกเครื่องใหม่ และยอมรับว่าขณะนี้ไม่ใช่จุดพีคของพรรคเพื่อไทย การเมืองไม่ได้จบภายในวันเดียว พวกตนมีความมั่นใจ และคิดดูว่าในขณะที่หลายคนปรามาสพรรคเพื่อไทยว่า พรรคเพื่อไทยอยู่ในสถานะที่ไม่ดีนัก และหลายโพลเรามีคะแนนนิยมอยู่ที่ 10-20 เปอร์เซ็นต์ แต่มีคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจถึง 30 เปอร์เซ็นต์
จุลพันธ์กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยมีความเชื่อมั่นว่า เราเป็นพรรคการเมืองแรกและพรรคการเมืองเดียวที่ได้เคยดำเนินการเรื่องนโยบายจนประสบความสำเร็จ และถูกใจพี่น้องประชาชน ซึ่งแน่นอนว่าคนทำงานมีทั้งเคยทำถูก ทำพลาด เราไม่ได้บอกว่าเราทำสำเร็จทุกเรื่อง แต่เราเป็นคนนำมิติเรื่องนโยบายเข้ามาสู่สังคม เป็นพรรคการเมืองแรกที่นำนโยบายมาบอกประชาชนแล้วทำจริง และยืนยันว่านโยบายครั้งหน้าคงเป็นที่ถูกใจประชาชน
ส่วนจะมีการนำนโยบายจากรัฐบาลของ เศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังทำไม่สำเร็จมาปัดฝุ่นหรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า “เป็นไปได้ เดี๋ยวมาคุยกัน ตรงนั้นขอเวลานิดนึง ยังไม่ได้สรุปหรือมีข้อยุติ”
จุลพันธ์กล่าวย้ำด้วยว่า พรรคไม่ได้อยู่ในช่วงขาลง เราก็ยังอยู่ในสถานะที่ดี คนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยยังเป็น 10 ล้านคน ไม่ได้มองว่าเป็นสถานการณ์ที่มีปัญหาอะไร เรายังมีความเชื่อมั่น เพียงแต่วันนี้ต้องทำองค์ประกอบให้ครบ เป็นผู้สื่อสารในเชิงรุก และโยนประเด็นให้สังคมมากขึ้น
อีกเรื่องคือบุคคล ซึ่งผู้สมัครต้องถูกจริตกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ เป็นคนที่ลงพื้นที่อยู่แล้ว และเป็นที่รู้จักในพื้นที่เป็นอย่างดี ขณะที่งานสภาเราต้องยกเครื่องให้เข้มข้นขึ้น สุดท้ายเรื่องนโยบายต้องทำให้ตรงกับความต้องการเป็นนโยบายแห่งความหวังของสังคมได้ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เราจะเสนอ 3 ชื่อ ซึ่งเป็น 3 ชื่อ ที่ต้องตรงใจกับพี่น้องประชาชน และเชื่อว่าการยอมรับจากประชาชนจะทำให้เราประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง


