Microsoft ประสบเหตุการณ์ระบบคลาวด์ล่มครั้งใหญ่เมื่อวันพุธ (29 ต.ค.) ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อบริการ Azure และ Microsoft 365 ซึ่งสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่บริษัทมีกำหนดจะรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด
บริษัทได้ออกมายอมรับว่ากำลังทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความพร้อมใช้งานของเครือข่ายบนแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจจำนวนมากทั่วโลก โดยบริการที่ได้รับผลกระทบโดยตรงรวมถึงเครื่องมือสำคัญในการทำงานอย่าง Outlook และ Teams ตลอดจนบริการอย่าง Xbox, Live และ Copilot
การล่มของระบบยังส่งผลกระทบเป็นโดมิโนไปยังบริษัทอื่นๆ ที่พึ่งพาบริการของ Azure โดยสายการบิน Alaska Airlines และ Hawaiian Airlines รายงานว่าเว็บไซต์และระบบเช็คอินออนไลน์ของสายการบินหยุดชะงัก ขณะที่ Downdetector เว็บไซต์ติดตามการล่มของบริการ ยังรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นกับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของ Starbucks และ Kroger ด้วย
Microsoft ระบุในภายหลังว่าปัญหาเกิดจากปัญหา DNS และการเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าโดยไม่ได้ตั้งใจในบริการ Azure Front Door ซึ่งทำหน้าที่จัดการปริมาณการจราจรทางอินเทอร์เน็ตไปยังแพลตฟอร์มคลาวด์ ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกับการล่มครั้งใหญ่ของ Amazon Web Services (AWS) เมื่อสัปดาห์ก่อน
การล่มครั้งนี้ยังสร้างความปั่นป่วนในสหราชอาณาจักร โดยเว็บไซต์ของซูเปอร์มาร์เก็ต Asda, M&S และผู้ให้บริการมือถือ O2 ต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นกันที่สำคัญคือ แม้แต่การประชุมของรัฐสภาสกอตแลนด์ก็ต้องถูกระงับชั่วคราว เนื่องจากปัญหาทางเทคนิคที่เกิดขึ้นกับระบบลงคะแนนออนไลน์ ซึ่งแหล่งข่าวอาวุโสในรัฐสภาสกอตแลนด์ได้บอกกับ BBC News ว่า พวกเขาเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการล่มของ Microsoft ในครั้งนี้
ดร. ซาคิบ คัควิ จากมหาวิทยาลัยรอยัล ฮอลโลเวย์ ให้ความเห็นว่า การที่บริการคลาวด์กระจุกตัวอยู่กับผู้เล่นรายใหญ่เพียงไม่กี่รายอย่าง Microsoft, Amazon และ Google ทำให้การล่มเพียงครั้งเดียว “สามารถทำให้แอปพลิเคชันและระบบหลายร้อยหรือหลายพันแห่งเป็นอัมพาตได้”
เขากล่าวว่า “มันเหมือนกับการที่เราเอาไข่ทั้งหมดไปใส่ไว้ในตะกร้าเพียงสามใบ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางอย่างยิ่งของอินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบัน
Downdetector รายงานว่ามีผู้ใช้ Azure ได้รับผลกระทบมากกว่า 105,000 ราย และ Microsoft 365 อีกเกือบ 9,000 ราย ซึ่ง Microsoft ต้องหันไปใช้แพลตฟอร์ม X (Twitter) เพื่ออัปเดตสถานการณ์ เนื่องจากผู้ใช้บางส่วนไม่สามารถเข้าถึงหน้าสถานะบริการของบริษัทได้
แม้ว่าบริการส่วนใหญ่จะกลับมาใช้งานได้ในเวลาต่อมา แต่เหตุการณ์นี้ก็ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของ Azure ที่มีต่อระบบอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ซึ่งคาดการณ์กันว่ามีส่วนแบ่งตลาดคลาวด์ทั่วโลกประมาณ 20%
ภาพ: Jeenah Moon/Getty Images
อ้างอิง:


