วันนี้ (28 ตุลาคม) พล.อ. เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา (สว.) คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการพิจารณาจริยธรรมของ นันทนา นันทวโรภาส สว. ซึ่งได้มองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองว่า เมื่อมีผู้ร้องมา เราก็ตรวจสอบ กระบวนการที่เกิดขึ้น หากพูดกันในสภาก็เป็นเรื่องปกติ แต่การนำไปสู่สาธารณะไปออกสื่อ และแถลงข่าว ก็เป็นเหมือนไปด้อยค่า ดูถูก เหยียดหยาม
พล.อ. เกรียงไกรกล่าวอีกว่า เราได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนทุกอย่าง ไม่คิดที่จะมากันแกล้ง หรือเห็นเป็นฝั่งตรงข้าม เราเป็น สว. ด้วยกัน มาจากหลากหลายที่ หลากหลายอาชีพ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ฉะนั้น ในเรื่องนี้ไม่ได้ตั้งธงเป็นไปตามกระบวนการ ส่วนโทษจะถึงขั้นถอดถอนหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ และขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่
ด้าน วุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. กล่าวเสริมว่า มีคนร้องเราก็ดำเนินการ ไม่ใช่เรื่องที่ สว. ตัดสินใจเองว่าผิดหรือถูก แต่เราส่งหน่วยงานที่มีหน้าที่ดำเนินการพิจารณา ส่วนที่ท่านมั่นใจและออกมาแถลงว่าศาลอาญายกฟ้อง นำสืบความแล้ว ส่วนตัวก็อยากท่านให้เคลียร์ตัวเอง ในเมื่อส่งเรื่องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว ถ้าบอกไม่มีประเด็น ก็คือจบ ท่านก็บริสุทธิ์
วุฒิชาติย้ำด้วยว่า เป็นการทำตามหน้าที่ ไม่ได้ชี้ว่าท่านผิด แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่ระบุว่าท่านผิด เราส่งไปหน่วยงานที่ 3 ให้ได้เคลียร์ตัวเอง ในเมื่อหลุดศาลอาญามาแล้วในครั้งนี้ก็เป็นกำลังใจให้ อยากให้ท่านเคลียร์ตัวเองให้บริสุทธิ์ไปเลย และเราก็ทำหน้าที่ของเราอย่างสมบูรณ์
ส่วนที่ สว. นันทนา มองว่ากระบวนการไม่เป็นธรรม โดยเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีการล้อเลียนอื่น ๆ คณะกรรมาธิการจริยธรรมกลับตีตกคำร้องโดยเร็ว พล.อ. เกรียงไกร ระบุว่า มีรายละเอียดในข้อเท็จจริงเยอะกว่านั้น ขั้นต้นทางสำนักงานจะมีการตรวจสอบกันก่อนว่า ผู้ร้องมีความถูกต้องหรือไม่ และกระบวนการเราก็ดำเนินการไปอย่างรอบคอบ มีคณะกรรมการในการพิจารณา
“จะมาชี้ว่ากรรมการคนนั้นขัดผลประโยชน์กับคนนี้ มันไม่ใช่ เราไม่เคยคิดว่าจะไปขัดผลประโยชน์กับใคร เพียงแต่ว่าท่านมาฟ้องร้อง 136 สว. ซึ่งเรามีชื่ออยู่ในนั้น และขณะนี้ก็ยังอยู่ในกระบวนการของ กกต.” พล.อ. เกรียงไกรกล่าว
ส่วนที่ นันทนา มองว่ากระบวนการการสืบพยานไม่ถูกต้อง เพราะไม่ให้พยานเข้าไปชี้แจงนั้น พล.อ. เกรียงไกรระบุว่า เราก็นำสืบ เพียงแต่ว่าห้วงเวลามาเลื่อนในวันสุดท้าย และเอกสารก็ส่งล่าช้า ซึ่งที่ประชุมจะมีการแถลง ตนเองในฐานะประธาน ก็ดำเนินการตามที่คณะกรรมการว่า ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่
ส่วนที่มองว่าเป็นการปิดปากโดยเสียงข้างมากนั้น พล.อ. เกรียงไกรระบุว่า “ใครจะปิดปากได้ ทุกวันนี้ท่านก็แถลงข่าวอยู่ตลอดเวลา ท่านพูดในสภาได้ ท่านก็มีสื่อของท่าน เอฟซีของท่านก็มี เราไม่ได้วาดหวังที่จะให้ท่านต้องเป็นผู้รับผิด ตามที่เราให้กระบวนการของสภาพิจารณา เพียงแต่ว่าความคิดเห็นของวุฒิสภา และสมาชิกแต่ละท่าน ก็เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน ในการที่จะลงความเห็นว่าท่านมีความผิดหรือไม่มี”
พล.อ. เกรียงไกร ระบุอีกว่า กระบวนการที่เรามองเห็น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มันมีความชัดเจนอยู่ในตัว ตนเป็นประธานก็ไม่ได้ออกเสียง ก็นั่งฟังคณะกรรมการโต้เถียงกัน บางคนก็แสดงความคิดเห็นที่โต้แย้งกัน แต่เมื่อลงมติแล้ว เราก็ต้องยอมรับมติเสียงส่วนใหญ่
