×

จาก ‘เจ้าของร้านอินเทอร์เน็ต’ สู่ ‘เจ้าพ่อสแกมเมอร์รายใหญ่’ เจาะลึก เฉิน จื้อ แห่ง Prince Group คือใคร?

16.10.2025
  • LOADING...
chen-zhi-prince-group-us-uk-sanction

ชื่อของ เฉิน จื้อ (Chen Zhi) และ Prince Group กำลังอยู่ในความสนใจของสาธารณชนทั่วโลก หลังวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรประกาศมาตรการคว่ำบาตร และฟ้องยึดทรัพย์บิตคอยน์นักธุรกิจเชื้อสายจีน-กัมพูชาวัย 38 ปี ในข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ฟอกเงิน และบังคับใช้แรงงาน

 

ชายลึกลับผู้ร่ำรวยอย่างรวดเร็ว มีอำนาจมาก จนได้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองกัมพูชาอย่างที่ปรึกษา ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ขณะที่อีกบทบาทหนึ่งเป็นผู้ให้ทุนสร้างภาพยนตร์ แต่กลับถูกทางการจีนตั้งข้อกล่าวหาว่า เป็นอาชญากรข้ามชาติที่สร้างรายได้มากกว่า 5 พันล้านหยวน

 

เหล่านี้คือข้อมูลส่วนหนึ่งอันน่าตกใจ จากสารคดีเปิดโปงขบวนการสแกมเมอร์ของ Radio Free Asia (RFA) และสื่อต่างประเทศบางส่วน ที่แสดงให้เห็นเบื้องหลังเงามืดอันน่าสะพรึงกลัวของชายผู้กุมบังเหียนบริษัทยักษ์ใหญ่

 

เฉิน จื้อ คือใคร?

 

  • ตามข้อมูลของสารคดี Cambodia’s Prince Group: A business empire built on crime? ของ RFA เฉินเกิดวันที่ 16 ธันวาคม 1987 ในมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน โดยครอบครัวมีพื้นเพทำธุรกิจเซินเจิ้น แต่ไม่มีข้อมูลว่า เป็นธุรกิจอะไรกันแน่

 

  • เฉินได้รับการยกย่องว่า เป็น ‘อัจฉริยะนักธุรกิจ’ ตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเริ่มตั้งต้นอาชีพด้วยการเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เล็กๆ ในบ้านเกิด ก่อนในปี 2011 เฉินได้ก้าวเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์กัมพูชา โดยเป็นผู้บุกเบิกกลุ่มแรกๆ ของประเทศ

 

  • เชื่อกันว่า เมื่อเฉินย้ายไปอยู่กัมพูชาเต็มตัว ธุรกิจของเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เพราะรอบตัวรายล้อมไปด้วยคนเก่ง ฉลาด และคอนเนคชันที่ดี โดยในปี 2014 เขาได้รับสัญชาติกัมพูชา ซึ่งเงื่อนไข คือ ใช้เงินลงทุนหรือบริจาคให้รัฐบาลราว 2 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ

 

  • ในปี 2015 เฉินเริ่มก่อตั้ง Prince Group ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งถูกจับตามองว่า เป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนโฉมหน้าของสีหนุวิลล์ จากเมืองตากอากาศชายทะเลที่เงียบเหงาและทรุดโทรม ให้กลายเป็นเมืองแห่งคาสิโนที่เต็มไปด้วยแสงสี

 

  • จากความสำเร็จของสีหนุวิลล์ ผู้ก่อตั้ง Prince Group เริ่มขยายธุรกิจไปในภาคส่วนอื่นๆ เช่น คอนโดมิเนียม ซูเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์การค้าหลายแห่งในพนมเปญ รวมถึงเปิดธนาคารเล็กๆ ในฐานะสถาบันการเงินรายย่อยภาคเอกชน ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลใน 3 ปีถัดมา

 

  • เมื่อเส้นทางธุรกิจเบ่งบาน บทบาทของทางการเมืองของเฉินก็เติบโตคู่ขนาน โดยปี 2017 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากระทรวงความมั่นคงภายในกัมพูชาในยุคของ ซาร์ เค็ง (Sar Kheng) รัฐมนตรีที่นั่งเก้าอี้กระทรวงความมั่นคงภายในยาวนานตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปี 2023

 

  • ความน่าสนใจคือ ตั้งแต่เฉินเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาฯ เขากับ ซาร์ โศกา (Sar Sokha) ลูกชายของ ซาร์ เค็ง ซึ่งต่อมาเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรับเก้าอี้รัฐมนตรีจากผู้เป็นบิดาในรัฐบาล ฮุน มาเนต (Hun Manet) เริ่มทำธุรกิจด้วยกัน คือ เปิดบริษัท Jin Bei Group ธุรกิจคาสิโนและโรงแรม โดยเป็นบริษัทในเครือ Prince Group ที่มีมูลค่าการลงทุนราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

  • ตามข้อมูลของ Macau Business วิคเตอร์ ซง (Victor Chong) ผู้จัดการฝ่ายการตลาด Jin Bei Group เคยให้สัมภาษณ์ว่า ความสำเร็จของบริษัทมาจากการสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งมีเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตสร้างคาสิโน หากนักธุรกิจคนไหนตกลงจ่ายค่าธรรมเนียม 4 หมื่นดอลลาร์ต่อปี

 

  • นอกจากนี้ เฉินยังเคยเป็นที่ปรึกษา ฮุน เซน โดยได้ปฏิบัติภารกิจสำคัญทางการทูต เช่น เดินทางไปคิวบากับ ฮุน เซน หรือให้ความช่วยเหลือกับลาว

 

  • หลักฐานแสดงถึงความสนิทสนมกับตระกูลฮุน ที่ปรากฏในหน้าสื่อ คือ ‘นาฬิกา’ ของ ฮุน เซน ในการประชุมอาเซียนปี 2022 ซึ่งพบว่า อดีตผู้นำกัมพูชาสวมนาฬิการุ่น Limited Edition มูลค่า 20,000 ดอลลาร์ แบรนด์ Prince Horology บริษัททำนาฬิกาของเฉิน

 

  • ขณะที่เฉินเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับ เฮง สัมริน อดีตประธานสภากัมพูชา และในปัจจุบันยังเป็นหนึ่งในบรรดาที่ปรึกษา 104 คนของ ฮุน มาเนต ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรี

 

  • นอกเหนือการเป็นนักธุรกิจและนักการเมือง เฉินยังเป็นนายทุนสนับสนุนสร้างภาพยนตร์ฮอลลีวูดอย่าง The Prey (2018) ว่าด้วยเรื่องของสายลับจีนที่ถูกขังในกัมพูชา โดยพยายามปฏิบัติการลับสืบสวนอาชญากรรมไซเบอร์ที่หลอกประชาชน

 

  • RFA ได้สัมภาษณ์ สหจักร บุญธนกิจ นักแสดงชายไทย ที่มีโอกาสได้เจอเฉินโดยตัวเอง ซึ่งเขาระบุว่า “เฉินเหมือนเจ้าพ่อเลย เขาไม่ค่อยพูดมาก นอกจากคำว่า ‘สวัสดี’ เท่านั้น” พร้อมกับย้ำว่า เฉินดูมีอำนาจมากๆ

 

  • สหจักรเล่าจากประสบการณ์ส่วนตัวว่า สำหรับเขา เฉินเป็นเพียงเศรษฐีลึกลับที่ให้ทุนสร้างภาพยนตร์ ซึ่งเคยเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงฉลองภาพยนตร์ในวิลล่าริมแม่น้ำโขง และเลี้ยงอาหารชุดใหญ่อย่างไวน์กับหูฉลาม

 

  • อันที่จริง รายงานพิเศษของ RFA ชี้ว่า เฉินยังเดินทางไปทั้งอังกฤษ (และได้สัญชาติอังกฤษ) และสหรัฐฯ ซึ่งเขาร่ำรวยมากจนถึงขั้นซื้อตึกมูลค่า 114 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใจกลางลอนดอน และคฤหาสน์มูลค่ามากกว่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ตั้งอยู่บนถนนอเวนิวในสหรัฐฯ

 

เบื้องหลังดำมืดของเจ้าพ่อแห่งสแกมเมอร์รายใหญ่

 

  • อย่างไรก็ดี ในสารคดีชุดพิเศษของ RFA ออกมาเปิดโปงเบื้องหลังของเฉินว่า Prince Group ถูกศาลอาญาจีนตั้งข้อกล่าวหาในฐานะ ‘กลุ่มอาชญากรรมพนันออนไลน์ข้ามชาติ’ ที่สร้างรายได้ผิดกฎหมายถึง 700 ล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2020-2022 ซึ่งมาตรการดังกล่าวคือหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลจีนในปี 2018 ที่เล็งปราบปรามธุรกิจพนัน โดยมองว่าเป็นภัยคุกคามของชาติ

 

  • ทั้งนี้ มีการสอบสวนจากทางการจีนว่า หนึ่งในสามของมูลค่าการลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากธุรกิจการพนันที่ผิดกฎหมาย โดยในเดือนพฤษภาคม 2020 มีการตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษเพื่อสืบสวน Prince Group ซึ่งหลังจากนั้นมีคำพิพากษาที่มีผลบังคับลงโทษพนักงานบริษัท ซึ่งเชื่อมโยงกับคดีพนันและฟอกเงิน

 

  • Guo Caina หญิงชาวจีนวัย 28 ปี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เธอถูก Prince Group หลอกไปทำงานที่กัมพูชา โดยในตอนแรกได้รับแจ้งว่า เธอจะได้ทำงานด้านบัญชีและการบริการลูกค้า ซึ่งเงื่อนไขการทำงานคือ ต้องแลกบัตรธนาคารจีน 4 ใบ แต่เมื่อจะขอลาออกกลับถูกปฏิเสธ และมีเงินลึกลับ (ซึ่งคาดว่าเป็นเงินจากการพนัน) ไหลเข้าธนาคารมากกว่า 19 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เธอมีความผิดในฐานสมรู้ร่วมคิดกับบริษัท

 

  • ทว่า Prince Group ปฏิเสธข้อกล่าวหากับทาง RFA โดยระบุว่า มีกลุ่มอาชญากรปลอมแปลงตัวตน และแอบอ้างในนามบริษัท

 

  • ขณะที่ในกัมพูชา พบความผิดปกติในหลายพื้นที่ภายใต้การดูแลของ Prince Group เช่น Golden Fortune หน่วยงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในจังหวัดจะเรยธม โดยเชื่อกันว่า เป็นหนึ่งในฐานอาชญากรรมข้ามชาติที่ชาวต่างชาติ เช่น คนเวียดนาม, มาเลเซีย และจีน ถูกหลอกให้มาทำงานสแกมเมอร์

 

  • ทั้งนี้มีชาวบ้านและอดีตพนักงานให้สัมภาษณ์ว่า มีผู้พบเห็นการใช้ความรุนแรงต่อพนักงานที่กำลังหลบหนี ขณะที่บรรยากาศภายนอกอาคารดูผิดปกติ คือ ล้อมรอบด้วยกำแพงคอนกรีตที่มีลวดหนามด้านบน มีสนามขนาดใหญ่ และอาคารหอพัก 18 หลัง

 

  • หลักฐานข้างต้นตรงกับข้อกล่าวหาของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่ระบุว่า Prince Group สร้างศูนย์บัญชาการสแกมเมอร์ มีกำแพงสูง ลวดหนาม และแรงงานถูกบังคับให้ทำงาน ซึ่งงานดังกล่าวคือการฉ้อโกง หรือ Pig Butchering ที่ขุนเหยื่อให้ ‘ไว้ใจ’ ก่อนโกง

 

มองปรากฏการณ์สหรัฐฯ-สหราชอาณาจักร คว่ำบาตร Prince Group

 

  • สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี ผู้สื่อข่าวต่างประเทศอาวุโส และผู้เชี่ยวชาญการเมืองระหว่างประเทศในอาเซียน ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ถึงกรณีสหรัฐฯ-สหราชอาณาจักรคว่ำบาตร Prince Group ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นงานที่ทั้ง 2 ประเทศ ทำมาต่อเนื่องสักระยะ โดยมองว่า แก๊งสแกมเมอร์มีเครือข่าย 3 เสาหลักในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา, เมียนมา และลาวบางส่วน ซึ่งทั้งหมดนี้มีไทยเป็นจุดศูนย์กลาง หรือทางผ่าน

 

  • อย่างไรก็ดี แรงกดดันในระยะแรกมาจากจีน เนื่องจากกลุ่มทุนเหล่านี้หนีความผิดมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ก่อนจะตั้งฐาน 2 แห่งในเมียนมาและกัมพูชาในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งผู้สื่อข่าวต่างประเทศอาวุโสตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มอาชญากรรมนี้มีลักษณะพิเศษ คือ การเข้ามาที่แฝงตัวมาพร้อมกับโครงการการลงทุน Belt and Road (BRI) ของรัฐบาลจีน ซึ่งเริ่มแรกเน้นการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจ Entertainment ในฐานะธุรกิจบังหน้า ก่อนที่ขบวนการสแกมเมอร์อย่างเต็มรูปแบบจะตามมาในภายหลัง

 

  • สุภลักษณ์ตั้งข้อสังเกตว่า เครือข่ายเหล่านี้ไปไกลมาก ไม่ใช่แค่หลอกลวงประชาชนธรรมดา แต่หลายกรณีมีการฟอกเงิน และเข้าไปลงทุนในระบบบิตคอยน์ เช่น กรณี Huione ฟอกเงินให้กับเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของสหรัฐฯ รวมถึงหลอกพลเมืองอเมริกัน ปัญหาสแกมเมอร์จึงกลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ ทำให้รัฐบาลต้องจับตามองและขึ้นบัญชีดำขบวนการที่เกี่ยวข้อง เช่น การยึดทรัพย์ธุรกิจที่ผ่านเข้าไปในประเทศ

 

  • สำหรับกรณี Prince Group สุภลักษณ์อธิบายว่า กรณีดังกล่าวมีความพิเศษ เพราะมีบริษัทในเครือกระจายไปตามเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ มากกว่า 100 บริษัท โดยเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ การฟอกเงิน และแวดวง Cryptocurrency ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐยังยื่นมือไปไม่ค่อยถึง ทำให้ท่าทีของสหรัฐฯ มีความพิเศษ สะท้อนจากจำนวนทรัพย์สินมหาศาลที่สหรัฐฯ ยึดไป

 

  • จากท่าทีของมหาอำนาจในข้างต้น ผู้สื่อข่าวต่างประเทศอาวุโสมองว่า อาชญากรรมสแกมเมอร์คือ ‘ภัยคุกคามระดับโลก’ (Global Threat) ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา รายงานของ UN ก็ระบุในทิศทางเดียวกันว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือศูนย์กลางและจุดตั้งต้นของการหลอกลวง ที่หมายรวมถึงการค้ามนุษย์ และการทารุณกรรม เพื่อบีบบังคับให้เหยื่อมาทำงาน

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising