วานนี้ (15 ตุลาคม) พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในประเด็นสำคัญต่างๆ ดังนี้
1. ประเด็นปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำดินแดน ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว: ยังไม่พบความพยายามที่จะช่วยแก้ปัญหาใดๆ จากฝ่ายกัมพูชา แม้ว่าจะมีการเห็นชอบร่วมกันไว้แล้วในเบื้องต้น ผ่านเวทีการประชุมในระดับทวิภาคี ในหลายครั้งที่ผ่านมา
แต่กลับพบความพยายามอย่างไม่ลดละ ที่จะใช้มวลชนจัดตั้ง มีทั้งเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งไม่ใช่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง มารวมตัวกันในลักษณะการจัดฉากขึ้นมา เพื่อจะนำภาพที่ได้ไปใช้ในการสื่อสารเพื่อให้มีผลในทางต่างประเทศ
ล่าสุดพบมีการพาสื่อมวลชนลงไปสัมภาษณ์ชาวบ้านกัมพูชาที่มารวมตัวกันในเต็นท์ อ้างว่าเป็นเหยื่อหรือผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมนำคณะผู้สังเกตการณ์ IOT ฝั่งกัมพูชามาลงพื้นที่รอบดึกโดยไม่ได้มีการประสานฝ่ายไทยล่วงหน้า เป็นการสะท้อนถึงพยายามบิดเบือนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ไม่จริงใจต่อการแก้ปัญหาร่วมกัน
2. ประเด็นเรื่องการใช้เครื่องขยายเสียงในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว: พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งฝ่ายกัมพูชาบุกรุกเข้ามาสร้างความขัดแย้งและยั่วยุฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนไทยได้รับผลกระทบและเกิดความไม่พอใจจำนวนมาก
หากเป็นกรณีฝ่ายรัฐมีการใช้เครื่องขยายเสียงปฏิบัติการแทนการใช้กำลังเจ้าหน้าที่นั้นยังคงมีใช้กันในหลายประเทศ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือเริ่มต้น ที่จะส่งผลให้เกิดอันตรายน้อยที่สุดก่อน โดยเฉพาะกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย
ส่วนในกรณีของฝ่ายพลเรือนอย่าง กัน จอมพลัง ที่เปิดซาวนด์เสียงต่างๆ และสารคดีประวัติศาสตร์ น่าจะเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจของประชาชนไทย ที่มีต่อการรุกล้ำอธิปไตยของชาวกัมพูชาในบริเวณนั้น ซึ่งต่างจากท่าทีความไม่พอใจของผู้ชุมนุมฝ่ายกัมพูชา ที่มีลักษณะรุนแรงก้าวร้าว ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยจนได้รับบาดเจ็บ
แม้ว่า กัน จอมพลัง อาจจะต้องการให้มีผลกระทบต่อผู้กระทำผิดกฎหมาย ที่รุกล้ำดินแดนไทยอยู่ แต่ตามรูปการณ์แล้วยังไม่ใช่ในลักษณะของการบังคับให้ฟังเพื่อการทรมาน เพราะผู้ที่ได้ยินเสียงยังสามารถปฏิเสธการได้ยินได้ฟังเหล่านั้นได้ ด้วยการพาเอาตัวเองออกไปจากจุดพื้นที่ได้ทุกเวลา
อีกทั้ง กัน จอมพลัง ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงไม่น่าจะเข้าข่ายการทรมานอย่างร้ายแรง ตามกฎหมายทรมานอย่างที่มีการพูดถึงกัน ขอให้ประชาชนชาวไทยมีความหนักแน่น ไม่ตกเป็นเครื่องมือของการปลุกปั่นชี้นำข่าวสารที่เกินจริงจากฝ่ายกัมพูชา และคำนึงถึงพี่น้องคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมในหลายกรณี
3. ประเด็นเรื่องการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระหว่างกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ของไทยกับกองกำลังภูมิภาคของกัมพูชา: สาเหตุเกิดจากที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาไม่มีท่าทีและความจริงจังกับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามที่ตกลงกันไว้ในการประชุม GBC
โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำดินแดนไทยในจังหวัดสระแก้ว การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง รวมถึงยังพบการบิดเบือนข่าวสารและการยั่วยุต่อฝ่ายไทยในหลายกรณี
ทั้งนี้ กองทัพบกยืนยันในการร่วมขับเคลื่อนทุกมาตรการภายใต้กรอบความร่วมมือ GBC และขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจในการดำเนินการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งสองประเทศ อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต
