วันนี้ (14 ตุลาคม) กรมชลประทานรายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าปริมาณน้ำในพื้นที่ตอนบนยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงบริหารจัดการน้ำด้วยการหน่วงน้ำและรับน้ำเข้าสู่คลองชลประทาน เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำให้ได้มากที่สุด
สถานการณ์น้ำสำคัญ ณ เวลา 06.00 น. :
สถานี C.2 (อ.เมือง จ.นครสวรรค์)
- ปริมาณน้ำไหลผ่าน: 2,645 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที)
- ระดับน้ำ: 24.23 เมตร (ต่ำกว่าตลิ่ง 1.47 เมตร)
- แนวโน้ม: เพิ่มขึ้น
สถานี C.13 (เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท)
- ปริมาณน้ำไหลผ่าน: 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที)
- ระดับน้ำเหนือเขื่อน: 16.06 เมตร
- ระดับน้ำท้ายเขื่อน: 15.47 เมตร (ต่ำกว่าตลิ่ง 87 เซนติเมตร)
- แนวโน้ม: ทรงตัว
กรมชลประทานได้บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา โดยดำเนินการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือเขื่อน และเร่งรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งแม่น้ำให้เต็มศักยภาพของคลอง เพื่อควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายน้ำน้อยที่สุด
พื้นที่นอกคันกั้นน้ำที่ยังคงได้รับผลกระทบ (ท้ายเขื่อน):
- จังหวัดอ่างทอง: บริเวณคลองโผงเผง, วัดไชโย, อำเภอป่าโมก
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ติดแม่น้ำน้อย): คลองบางบาล (ต.หัวเวียง อ.เสนา), ต.ลาดชิด, ต.ท่าดินแดง (อ.ผักไห่)
- จังหวัดสิงห์บุรี: วัดสิงห์, วัดเสือข้าม (อ.อินทร์บุรี), อำเภอเมืองสิงห์บุรี, อำเภอพรหมบุรี
- จังหวัดชัยนาท: ตำบลโพนางดำ (อ.สรรพยา)
กรมชลประทานจะเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งให้ประชาชนทราบเป็นระยะ หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้นจนจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา
อ้างอิง: