ถึง ‘เซ็นทรัล ลาดพร้าว’ จะยังไม่แน่นอนจากการที่อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อต่อสัญญาซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลงในปี 2571 กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แต่ CPN ก็ไม่รั้งรอที่จะลงทุน 21,000 ล้านบาท สำหรับเมกะโปรเจ็กต์ ‘The Central’ พหลโยธิน ซึ่งอยู่ห่างออกมาไม่ไกลกัน และได้เริ่มก่อสร้างไปเรียบร้อยแล้ว
CPN ระบุว่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็น Mixed-Use ถือเป็นแห่งแรกของไทย และ เป็นโครงการ Visionary Shift สร้างความเปลี่ยนแปลงให้วงการรีเทลของไทย ซึ่งยังคงประสบความสำเร็จอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน โดยวันนี้ย่าน ลาดพร้าว – พหลโยธิน ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและ The Central พหลโยธิน เข้ามาเพื่อผลักดันย่านนี้ให้เต็มศักยภาพสูงสุด และยกระดับสู่ The Next CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ
“วันนี้เซ็นทรัล ลาดพร้าวเล็กไปแล้ว เห็นได้จากตัวเลขร้านค้าที่เช่าเต็มเกือบตลอดเวลา ทำให้แบรนด์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาหาพื้นที่ได้ยาก โดยเฉพาะในทำเลกรุงเทพตอนเหนือที่ไม่มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่เลย” ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและกลุ่มงานพัฒนาโครงการ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ระบุ “ดังนั้น ‘The Central’ พหลโยธิน จะเข้ามาเติมเต็มในเรื่องดังกล่าว โดยเราจะได้เห็นแบรนด์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเปิดจากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงร้าน Flagship ด้วย”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- CPN ลงทุน 2 หมื่นล้าน สร้างศูนย์การค้า ‘The Central’ พหลโยธิน เตรียมเปิดปลายปี 2569
- พาชมบรรยากาศ Central Park เปิดวันแรก หวังดึงทราฟฟิกกว่า 7 หมื่นคนต่อวัน
- เซ็นทรัลพัฒนา โชว์กำไร Q2 ปี 68 พุ่ง 10% พร้อมเปิดแลนด์มาร์กใหม่ดันท่องเที่ยวไทย
ด้าน ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา Chief Marketing Officer บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ระบุว่า มีความเชื่อมั่นในโครงการ The Central ด้วยศักยภาพใน 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่
1. ศักยภาพของโลเคชั่น จากการที่โครงการตั้งอยู่บนถนนสองสายหลัก คือ วิภาวดีรังสิต และ พหลโยธิน ปัจจุบันมีรถยนต์สัญจรผ่าน 337,000 คันต่อวัน รวมถึง MRT สายสีน้ำเงินมีผู้โดยสาร 15,600 คนต่อวัน และ BTS สายสีเขียวมีผู้โดยสาร 35,100 คนต่อวัน และในอนาคตหลังศูนย์เปิดคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 30%
อีกทั้งย่านนี้ยังเชื่อมไปสู่ สนามบินดอนเมืองที่ปัจจุบันรองรับผู้โดยสารราว 30 ล้านคนต่อปี และกำลังเตรียมขยายโครงการเพื่อเพิ่มศักยภาพตามแผนงานของรัฐ ทำให้ดึงคนไทยและต่างชาติเข้ามายังย่านลาดพร้าว-พหลโยธิน
2. เป็นแม่เหล็กดึงดูดการเติบโตใหม่ๆ และจะเป็นตัวเร่งสำคัญที่ยกระดับย่านให้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจและไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ โดยย่านนี้มีดีมานด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง Catchment Area มีประชากรประมาณ 2.5 ล้านคน
อีกทั้งจากฐานข้อมูลอ้างอิงจากเซ็นทรัลพัฒนา พบว่าในย่านนี้มีกลุ่มลูกค้า Wealth Segment กำลังซื้อสูงกว่าค่าเฉลี่ยคนกรุงเทพฯ ถึง 2.3 เท่า, อีกทั้งยอดขายต่อพื้นที่ (Sales per GLA) สูงกว่าค่าเฉลี่ยศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ ถึง 45% และจำนวนผู้ใช้บริการมากกว่าศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ยถึง 2.19 เท่า
3.พื้นที่ที่เปิดรับคนรุ่นใหม่และคนทุกกลุ่ม รองรับกิจกรรมที่หลากหลาย มีพื้นที่การจัดงานยังรองรับ Multi-Cultural Events และในส่วน Convention Hall มีพื้นที่กว่า 6,700 ตร.ม. สามารถรองรับคอนเสิร์ตและอีเวนต์ระดับโลกอีกด้วย
ขณะที่ อิศเรศ จิราธิวัฒน์ Head of Leasing – Fashion & Luxury บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ย้ำว่า ย่านพหลโยธินมีศักยภาพเทียบชั้นย่านราชประสงค์ จากฐานโครงสร้างคมนาคมหลัก ทั้ง BTS, MRT และถนนสายสำคัญ รวมถึงรายล้อมด้วยดีมานด์คุณภาพสูง ทั้งที่อยู่อาศัยระดับกลาง–บน อาคารสำนักงาน โรงแรม และสถาบันการศึกษา
ยังมีอัตราการเติบโตสูงเทียบชั้นย่าน Central CBD โดยจากข้อมูลปีล่าสุด พหลโยธินช่วงต้นติด Top 10 ทำเลราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทยปี 68 โดยมีราคาประเมินอยู่ที่ 1.9 ล้านบาทต่อตารางวา อัตราการเติบโตสูงถึง 5% (มากกว่าย่าน เพลินจิต-ชิดลม, สุขุมวิท, สีลม, สาทร)
ที่สำคัญยังเป็นย่านที่มีฐานกำลังซื้อแข็งแกร่ง ซึ่งปัจจุบัน โครงการที่อยู่อาศัยที่แวดล้อมศูนย์การค้า The Central พหลโยธิน มีมากถึง 472 โครงการและมากกว่า 50% เป็นโครงการในระดับ Upper Segment ขึ้นไป
นอกจากนี้ อาคารสำนักงานต่างๆ ยังมีแนวโน้มขยายตัวสู่ย่านรอบนอก โดยเฉพาะในแนว North Corridor พหลโยธินและวิภาวดีรังสิต ดังนั้นกลุ่มคนทำงานจะเข้ามาในพื้นที่และเป็นกำลังซื้อที่มหาศาล ในส่วนอาคารสำนักงานที่ตั้งรอบโครงการมีถึง 52 แห่งในจำนวนนี้ 15 แห่งเป็น Grade A Office
ในส่วนของ Quality Neighbourhood โครงการยังแวดล้อมด้วยโรงเรียนชั้นนำ 51 แห่ง (เป็นโรงเรียนอินเตอร์ 6 แห่ง), มหาวิทยาลัยชั้นนำ 9 แห่ง, และโรงแรม 41 แห่ง
The Central พหลโยธิน ตั้งอยู่บนที่ดิน 49 ไร่ พื้นที่ (GBA) 457,409 ตร.ม. ซึ่งใหญ่ระดับ TOP 5 ของ CPN คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จในช่วงไตรมาส 4 ปี 2569
“The Central พหลโยธิน กับเซ็นทรัล ลาดพร้าวมีพื้นที่รวมกันเท่ากับเซ็นทรัลเวิลด์ คาดว่าเมื่อเปิดตัวจำนวนลูกค้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากตัวเลขเดิมของเซ็นทรัล ลาดพร้าว” ดร.ณัฐกิตติ์ระบุ “ต่อไปเซ็นทรัล ลาดพร้าวจะถูกปรับให้จับกลุ่มลูกค้าระดับบน ส่วน The Central พหลโยธิน จะทำให้มีความหลากหลายของแบรนด์ร้านค้าเหมือนเซ็นทรัลเวิลด์”
เบื้องต้นจะมีแค่ศูนย์การค้าก่อน แต่ในระยะหลังๆ เรามักจะเห็น CPN ทำโครงการที่เป็นมิกซ์ยูสเป็นหลัก เช่นเดียวกัน The Central พหลโยธิน ในส่วนของสำนักงาน โรงแรม และที่อยู่อาศัยยังอยู่ในระหว่างศึกษา รวมถึงทางเชื่อมจาก BTS เข้าสู่ศูนย์ฯ ก็อยู่ระหว่างศึกษาเช่นกัน