วันนี้ (8 ตุลาคม) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ในฐานะผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส. พระนครศรีอยุธยา พรรคประชาชน และตัวแทน สส. ของพรรค แถลงข่าวภายหลังการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง
ณัฐพงษ์แสดงความเสียใจไปยังผู้สูญเสีย เนื่องจากได้รับรายงานมาว่า หนึ่งวันก่อนหน้าที่ตนจะลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีประชาชนถึงเสียชีวิต 4 คน เป็นเยาวชนที่ลงไปเล่นน้ําในกระแสน้ำที่มีความรุนแรง รวมถึงมีผู้ใหญ่บางคนที่พลัดตกด้วยความแรงของกระแสน้ำ เป็นสิ่งที่พวกเราไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น จึงอยากฝากสื่อมวลชน และผู้ใหญ่ทุกท่านว่า พยายามช่วยกันสอดส่องดูแล และให้เยาวชนระมัดระวังในพื้นที่ที่กระแสน้ำรุนแรง
นอกจากนี้ พบว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำงานเชิงรับได้ดี แต่ยังต้องการการสนับสนุนเชิงรุกเพิ่มเติมจากรัฐบาล เช่น รถฉุกเฉินและระบบการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล ทั้งยังพบว่าศูนย์พักพิงชั่วคราวบางแห่งตั้งอยู่ริมถนน ซึ่งอาจไม่ปลอดภัย จึงเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรพื้นที่พักพิงให้เหมาะสมและปลอดภัยกว่านี้ เนื่องจากพื้นที่นอกพนังกั้นน้ำในหลายจังหวัดจะประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากทุกปีอยู่แล้ว
จากข้อมูลของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พบว่าปริมาณน้ำฝนในปีนี้สูงกว่าปกติ 10% และการระบายน้ำลงคูคลองต่างๆ ส่งผลให้พื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำมีระดับน้ำท่วมสูงกว่าปีก่อน
ณัฐพงษ์เสนอแนวคิด “ไม่ช้า ไม่จม ไม่ซ้ำรอย” ในการบริหารจัดการเงินเยียวยา
- ไม่ช้า การจ่ายเงินเยียวยายังล่าช้าในหลายพื้นที่ โดยบางรายใช้เวลานานกว่า 2 เดือนกว่าจะได้เงิน 9,000 บาท ซึ่งควรจะมีการจ่ายให้เร็วขึ้นและไม่ต้องรอจนสถานการณ์สิ้นสุดลง
- ไม่จม เงินเยียวยา 9,000 บาทไม่เพียงพอต่อความเสียหายในหลายกรณี และได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาจัดสรรงบประมาณจากการ “แจกเงินเปล่า” ไปใช้ในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมโดยตรง เช่น การช่วยดีดบ้าน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวมากกว่า
- ไม่ซ้ำรอย การแจ้งเตือนยังไม่มีประสิทธิภาพทำให้ประชาชนเก็บของไม่ทัน รวมถึงปัญหาการบริหารจัดการน้ำที่ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น
ด้าน ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ ส.ส. พระนครศรีอยุธยา ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงการบริหารจัดการน้ำของ สทนช. และกรมชลประทานที่ยังใช้ “ทุ่งรับน้ำ” เป็นขั้นตอนสุดท้าย ทำให้ประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำได้รับผลกระทบหนักกว่าเดิม และได้เสนอข้อเรียกร้อง 3 ประเด็นจากประชาชนไปยังรัฐบาล ประกอบด้วย
- ทบทวนแผนการระบายน้ำ ควรลดการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาและบริหารจัดการโดยตัดยอดน้ำตั้งแต่ต้นทาง
- ปรับกรอบเวลาชดเชยเยียวยา เสนอให้มีการจ่ายค่าครองชีพรายเดือนระหว่างช่วงน้ำท่วม แทนที่จะรอจ่ายครั้งเดียวหลังน้ำลด
- จัดตั้งกองทุน จัดตั้งกองทุนเพื่อการดีดบ้านและกองทุนสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคในพื้นที่น้ำท่วมอย่างมีระบบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการรับมืออุทกภัยของรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เทียบกับเมื่อครั้งรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้หรือไม่ ณัฐพงษ์ระบุว่า ภาพรวมในตอนนี้ต้องบอกว่า รัฐบาลเพิ่งทําหน้าที่ได้ไม่นาน จึงเชื่อว่าเอาปัญหาเฉพาะหน้า ณ ตอนนี้ดีกว่า สิ่งที่ประชาชนส่งเสียงมาโดยตรงว่า การเยียวยายังช้าไปอยู่ จะทําอย่างไรให้เร็วขึ้น อย่างกรณีแนวชายแดน ซึ่งได้รับการเยียวยา ก็มีข่าวดี แต่อยากให้รัฐบาลเร่งจัดการหลักเกณฑ์ในพื้นที่น้ำท่วมให้สอดคล้องกับปัญหาที่ประชาชนได้เจอ
ส่วนกระแสวิจารณ์ว่า อนุทินลงพื้นที่ไม่มากพอ เช่น การเลือกไปงานวันเกิด เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด แทนนั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงมีภารกิจหลากหลาย การที่จะไปงานวันเกิดใครก็แล้วแต่ ก็อยู่ที่วิจารณญาณของนายกรัฐมนตรีด้วย
“เพื่อความเป็นธรรม ผมทราบว่านายกรัฐมนตรีคงไม่สามารถลงพื้นที่น้ำท่วมได้ครบทุกพื้นที่ แต่สิ่งที่ประชาชนคาดหวัง คือผู้บริหารประเทศที่จะลงไปรับฟังปัญหาเขาอย่างครบถ้วนมากที่สุด ฟังปัญหาอย่างเดียวไม่พอ อยากให้เกิดการกระทําด้วย ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนคาดหวังต่อจากนี้ คือมาตรการช่วยเหลือเยียวยาจริงๆ” ณัฐพงษ์กล่าว