ทางด้านราคาทองคำได้พุ่งแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในวันอังคาร (เวลาสหรัฐฯ) เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าหาสินทรัพย์ที่หลบภัย (safe haven) ท่ามกลางภาวะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ความผันผวนทางเศรษฐกิจ และแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังคงสูง ราคาทองคำได้ปรับเพิ่มขึ้นราว 50% ตั้งแต่ต้นปี
ส่วนราคาทองคำไทยวันนี้ (8 ต.ค.) ราคาทองคำแท่ง รับซื้อที่ 61,450 บาทต่อบาททองคำ และขายออกที่ 61,550 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อที่ 60,215 บาทต่อบาททองคำ และขายออกที่ 62,350 บาทต่อบาททองคำ
ธนาคารกลางหลายประเทศและนักลงทุนรายย่อยต่างเร่งเข้าซื้อทองคำในปริมาณมาก โดยเฉพาะ จีน และประเทศอื่นๆ ที่ต้องการลดการพึ่งพาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (U.S. Treasurys) และกระจายการถือครองสินทรัพย์ไปยังทองคำ หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรรุนแรงต่อรัสเซียจากเหตุรุกรานยูเครนในปี 2022 ขณะเดียวกัน นักลงทุนรายย่อยก็หันมาถือทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ยังคงสูง
Ray Dalio ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อดัง Bridgewater Associates แนะนำเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “นักลงทุนควรจัดสรรพอร์ตการลงทุนประมาณ 15% ในทองคำ” โดยเขาระบุว่า ตราสารหนี้ต่างๆ ในปัจจุบัน “ไม่สามารถรักษามูลค่าความมั่งคั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “ทองคำเป็นสินทรัพย์เพียงไม่กี่ชนิดที่ทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่สินทรัพย์ทั่วไปในพอร์ตของคุณร่วงลง”
อย่างไรก็ตาม Bank of America ได้ออกคำเตือนแก่นักลงทุนเมื่อวันจันทร์ว่า ควรลงทุนในทองคำอย่างระมัดระวังในช่วงที่ราคาทองกำลังพุ่งแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์ โดย BofA เตือนว่าทองคำอาจเข้าสู่ภาวะ “ขาขึ้นที่เริ่มหมดแรง (uptrend exhaustion)” ซึ่งอาจนำไปสู่ “การปรับฐานหรือพักตัว (consolidation or correction)” ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ภาพ: Jemal Countess/Getty Images for TIME
อ้างอิง: