“เมื่อมองยุโรปในวันนี้ ฉันคิดว่า เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากและอันตรายที่สุด ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ไม่ใช่แค่หลังสงครามเย็นอีกต่อไป”
ประเด็นสำคัญ
-
- ย้อนไทม์ไลน์โดรนปริศนาป่วนยุโรป
- โดรนปริศนาที่เชื่อกันว่า ‘รัสเซีย’ อยู่เบื้องหลัง ด้านเครมลินปฏิเสธ ชี้ยุโรปหาข้ออ้างเพิ่มงบประมาณ
- โดรนสอดแนมสร้างผลกระทบอะไรบ้าง
- สมาชิก EU เสนอแนวทางรับมือโดรนสอดแนมชั่วคราว โปแลนด์ใช้มาตรา 4 NATO หารือฉุกเฉิน
- ทำความรู้จัก Drone Wall แผนรับมือภัยคุกคามทางอากาศระยะยาว
- ‘ไทย’ ถอดบทเรียนอะไรได้บ้างจากเหตุการณ์ครั้งนี้
ความเห็นของ เมตเต เฟรเดอริกเซน (Mette Frederiksen) นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เกิดขึ้นท่ามกลางห้วงเวลาเปราะบางของยุโรปอย่างถึงขีดสุด หลังมีรายงานการตรวจพบ ‘โดรนปริศนา’ เหนือน่านฟ้านับ 10 ประเทศพันธมิตร NATO ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนของปี 2025
หนึ่งในไอเดียที่ผุดขึ้นมา เพื่อรับมือภัยคุกคามยาว คือ ‘กำแพงโดรน’ (Drone Wall) ระบบป้องกันภัยทางอากาศตรวจจับโดรน โดยเชื่อกันว่า เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ย่อมเยา คุ้มค่า และแก้เกมสงครามลูกผสม (Hybrid Warfare) ซึ่งคาดว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังในครั้งนี้ได้ดี
THE STANDARD ประมวลเหตุการณ์โดรนปริศนาป่วนยุโรป สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นใน NATO และสำรวจความเป็นไปได้กับแนวคิดกำแพงโดรน พร้อมกับข้อเสนอแนะที่อาจปรับใช้ได้กับสถานการณ์ของประเทศไทยในอนาคต
ย้อนไทม์ไลน์โดรนปริศนาป่วนยุโรป
- ลิทัวเนียเป็นประเทศแรกที่เผชิญสงครามโดรนสอดแนม โดยในวันที่ 28 กรกฎาคม 2025 โดวิล ซาคาลิเอเน (Dovile Sakaliene) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมลิทัวเนีย ได้ออกมาประกาศว่า พบโดรนของรัสเซียที่มุ่งหน้าไปยังยูเครน ‘หลง’ เข้ามาในประเทศอย่างไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นไม่กี่วันถัดมา ทางการยังพบโดรนในลักษณะเดียวกัน พร้อมด้วยอาวุธในพื้นที่ทางทหาร ทำให้ลิทัวเนียร้องไปยัง NATO ขอให้ช่วยหามาตรการป้องกัน ซึ่ง มาร์ก รุตเต เลขาธิการ NATO ตอบรับ
- ต่อมาในวันที่ 8 กันยายน 2025 ทางการโรมาเนียตรวจพบว่า โดรนรัสเซียละเมิดน่านฟ้าของประเทศ ทำให้กองทัพต้องส่งเครื่องบิน F-16 ขึ้นไปตรวจสอบ ขณะที่รัฐบาลออกแถลงการณ์ประณามว่า รัสเซียกำลังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการใช้โดรนโจมตีโครงสร้างพื้นฐาน และสังหารชาวยูเครนโดยตรงอยู่
- แต่กรณีที่เป็นข่าวใหญ่ในหน้าสื่อ คือ โปแลนด์พบโดรนรัสเซียละเมิดน่านฟ้า 19 ลำในวันที่ 9 กันยายน ซึ่งมีการเปิดฉากยิงตอบโต้ทันที โดยทางการได้ประณาม และเรียกปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า ‘การรุกราน’ (Act of Aggression) ถือเป็นประเทศแรกที่กลุ่มชาติพันธมิตร NATO ปะทะกับรัสเซียโดยตรง ตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครนปะทุขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เป็นต้นมา
- ความรุนแรงยิ่งทวีคูณเรื่อยๆ เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา เดนมาร์กพบโดรนปริศนาลอยเหนือสนามบิน 5 แห่งของประเทศ ได้แก่ สนามบินโคเปนเฮเกน, ออลบอร์ก, บิลลุนด์, เอสบีเยร์ และซันเดอร์เบิร์ก โดยทางการสันนิษฐานว่า เป็นการโจมตีพร้อมกัน (Coordinated Attack) เช่นเดียวกับนอร์เวย์ที่พบกลุ่มโดรนเหนือสนามบินออสโลในวันที่ 23 กันยายน ทำให้ 2 ประเทศต้องปิดสนามเป็นการชั่วคราว ขณะที่รัฐบาลเดนมาร์กและนอร์เวย์ ร่วมประสานงานกันตรวจสอบ
- นอกจากนี้ วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมเดนมาร์กยังรายงานว่า พบโดรนปริศนาอีกครั้งในเขตทางทหาร 2 แห่ง คือ ฐานทัพอากาศสครีดสตรัป (Skrydstrup Air Base) และฐานทัพทหารม้าจัตแลนด์ (Jutland Dragoon Regiment base)
- สำหรับฝรั่งเศส มีรายงานการพบเห็นโดรนเหนือฐานทัพมูร์เมลอน-เลอ-กรองด์ (Mourmelon-le-Grand) ในคืนวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ขณะที่ในวันที่ 1 ตุลาคม กองทัพฝรั่งเศสได้ตอบโต้ด้วยการบุกเรือขนส่งน้ำมันลำหนึ่ง ที่เชื่อว่าเป็น ‘กองเรือเงา’ และ ‘ฐานปฏิบัติการยิงโดรน’ ของรัสเซีย แต่ยังพิสูจน์สัญชาติเรือไม่ได้
- ล่าสุด สงครามโดรนสอดแนมยังลุกลามไปยังประเทศเยอรมนี โดย Bild สื่อท้องถิ่นเปิดเผยว่า โดรนปริศนาได้ละเมิดน่านฟ้าของประเทศ ซึ่งมีผู้พบเห็นบริเวณสนามบินและเขตทางทหาร ทำให้มีการยกเลิกเที่ยวบินนับสิบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ด้าน อเล็กซานเดอร์ ดอบรินท์ (Alexander Dobrindt) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเยอรมนีเปิดเผยว่า รัฐบาลจะออกกฎหมายขออนุญาตกองทัพให้ตำรวจใช้อำนาจกำจัดโดรนได้ง่ายยิ่งขึ้น
โดรนปริศนาที่เชื่อกันว่า ‘รัสเซีย’ อยู่เบื้องหลัง ด้านเครมลินปฏิเสธ ชี้ยุโรปหาข้ออ้างเพิ่มงบประมาณ
แม้ที่มาของโดรนยังคงเป็นปริศนา แต่หลักฐานจากนักวิเคราะห์ และกลุ่มประเทศในยุโรปคาดเดาตรงกันว่า รัสเซียคือกำเนิดของวัตถุแปลกปลอมบนน่านฟ้า โดยเป็นส่วนหนึ่งของสงครามลูกผสม (Hybrid Warfare) หรือการใช้ยุทธวิธีที่นำเทคโนโลยี และวิทยาการสมัยใหม่เข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศศัตรู
ทั้งนี้ รายงานวิเคราะห์จากกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกและยูเครนระบุตรงกันว่า โดรนปริศนาในโปแลนด์คือเจอร์เบอรา (Gerbera) โดรนเอนกประสงค์ราคาย่อมเยาของรัสเซีย ออกแบบโดยอิหร่าน ซึ่งวัตถุทำจากไม้อัด โฟม และมีอุปกรณ์บางส่วนจาก Skywalker Technology โรงงานของจีน รวมถึงประกอบที่โรงงานผลิตโดรนเยลาบูกา (Yelabuga)
ขณะที่เฟรเดอริกเซนยังให้สัมภาษณ์กับ Financial Times ว่า สงครามลูกผสมของรัสเซียครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเพื่อคุกคาม และทำลายเสถียรภาพของยุโรป โดยมีรูปแบบ (Pattern) การก่อกวน คือ วันแรกใช้โดรนป่วน วันถัดมาโจมตีทางไซเบอร์ และวันต่อมาก่อวินาศกรรม
อย่างไรก็ตาม เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเดนมาร์กปฏิเสธ พร้อมกับวิจารณ์ว่า เดนมาร์กกำลัง ‘จัดฉาก’ ขณะที่ วลาดีเมียร์ ปูติน ผู้นำเครมลิน ตอบกลับในเชิงหยอกล้อว่า เขาจะไม่ส่งโดรนไปป่วนฝรั่งเศส นอร์เวย์ และเดนมาร์กแล้ว และข้อกล่าวหานั้นไร้สาระ ผู้นำชาติยุโรปกำลังปลุกปั่น เพื่อหาข้ออ้างเพิ่มงบประมาณทางทหาร
อย่างไรก็ตาม The Wall Street Journal ตั้งข้อสังเกตถึงสงครามโดรนว่า เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยที่ยุโรปกำลังพิจารณาวิธีช่วยยูเครนให้ได้เปรียบในสงคราม ขณะที่สหรัฐฯ ภายใต้ โดนัลด์ ทรัมป์ เล็งจัดหาอาวุธ ซึ่งรวมถึงโทมาฮอกส์ (Tomahawk) ขีปนาวุธร่อนนำพิสัยระยะไกล ที่มีความแม่นยำมากที่สุด
รายงานยังระบุต่อว่า หลายประเทศยุโรปวิเคราะห์เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ว่า สงครามโดรนคือแผนของรัสเซียที่ ‘ข่มขู่’ ชาติตะวันตกไม่ให้ช่วยยูเครน
โดรนสอดแนมสร้างผลกระทบอะไรบ้าง
รศ.ดร.สุเจตน์ จันทรังษ์ ประธานบริษัท อาร์ วี คอนเน็กซ์ และผู้เชี่ยวชาญโดรน วิเคราะห์ปรากฏการณ์ดังกล่าวกับ THE STANDARD ว่า กลยุทธ์การใช้โดรนโจมตี ทำให้เกิด ‘สงครามอสมมาตร’ (Asymmetric War) หรือภาวะที่ประเทศคู่ต่อสู้มีศักยภาพไม่เท่าเทียมกัน ดังกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวสร้างผลกระทบได้ชัดเจน 2 ประการ คือ
- การก่อกวนด้วยโดรนใช้งบประมาณน้อย แต่ได้ผลสูง โดยเฉพาะผลทาง ‘จิตวิทยา’ ทำให้ประชาชนและรัฐรู้สึกกังวล เห็นได้ชัดจากการปิดสนามบินในเดนมาร์กและโปแลนด์ แม้พบโดรนแค่ 2 ลำเท่านั้น
- การใช้โดรนเป็นกลยุทธ์สร้างพื้นที่สีเทา (Grey-Zone) ทำให้ความขัดแย้งดูคลุมเครือ ไม่ชัดเจน และไม่รุนแรงเทียบเท่าสงคราม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พื้นที่มีความปลอดภัยหรือสงบ
“เราเรียกว่า ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะใช้เรียกว่า ‘สงคราม’ แต่มันพร้อมที่จะเป็นสงครามที่มีอานุภาพได้” ดร.สุเจตน์อธิบาย และระบุเสริมว่า โดรนสอดแนมยังทำหน้าที่ ‘หาข่าว’ คือ ดูจุดอ่อนของแต่ละประเทศในยุโรป
สมาชิก EU เสนอแนวทางรับมือโดรนสอดแนมชั่วคราว โปแลนด์ใช้มาตรา 4 NATO หารือฉุกเฉิน
หลังจากเกิดเหตุโดรนปริศนาสอดแนม สมาชิก EU เริ่มเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาชั่วคราว โดยโปแลนด์ใช้อำนาจตามมาตรา 4 ของ NATO หรือการขอปรึกษาหารือฉุกเฉิน เพื่อแจ้งสถานการณ์ให้ประเทศสมาชิกทราบ ไปจนถึงตัดสินใจ หรือหารือบางอย่างร่วมกัน ในกรณีที่ประเทศใดประเทศหนึ่งของพันธมิตรรู้สึกว่า เอกราชทางการเมือง ความมั่นคงของประเทศ หรือบูรณภาพของดินแดนถูกคุกคาม
แม้สถานการณ์ยังไม่รุนแรงเท่าการใช้มาตรา 5 หรือบทบัญญัติความมั่นคงร่วมกัน (Collective Security) ที่มีเงื่อนไขว่า หากประเทศสมาชิก NATO ชาติใดชาติหนึ่งถูกโจมตี จะถือว่าเป็นการโจมตีชาติสมาชิกที่เหลือ และอนุญาตให้ชาติพันธมิตรสามารถใช้กำลังโต้กลับเพื่อป้องกันตนเองได้
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นดังกระจกสะท้อนความเปราะบางด้านความมั่นคงของยุโรป เพราะมาตรา 4 ของ NATO ถูกใช้แค่เพียง 9 ครั้งในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ก่อตั้งองค์การฯ ในปี 1949 เป็นต้นมา โดยในปี 2025 ถูกใช้ถึง 2 ครั้งจากกรณีโดรนปริศนาป่วนโปแลนด์ และเอสโตเนียจากกรณีเครื่องบิน MiG-31 ของรัสเซีย ละเมิดน่านฟ้าในวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา
จอห์น เดนี (John Deni) ศาสตราจารย์ด้านความมั่นคงจาก US Army War College วิเคราะห์ว่า การใช้มาตรา 4 ของโปแลนด์ คือการย้ำเตือนให้สหรัฐฯ ชาติพันธมิตรมหาอำนาจ ตระหนักประเด็นความมั่นคงของประเทศ ดังที่ คาโรล นาวรอคกี (Karol Nawrocki) ประธานาธิบดีโปแลนด์ ได้หารือกับทรัมป์ในประเด็นดังกล่าว ซึ่งเป็นไปได้ว่า สหรัฐฯ อาจส่งกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศในเยอรมนีไปช่วยเสริมกำลัง
อนึ่ง โปแลนด์เคยใช้มาตรา 4 ในปี 2014 หลังรัสเซียผนวกไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ รวมถึงปี 2022 ร่วมกับอีก 8 ประเทศในยุโรปตะวันออก ได้แก่ บัลแกเรีย, เช็ค, เอสโตเนีย, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, โรมาเนีย และสโลวาเกีย จากเหตุการณ์รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในปี 2022
ทำความรู้จัก Drone Wall แผนรับมือภัยคุกคามทางอากาศระยะยาว
กำแพงโดรน (Drone Wall) คือแนวคิดรับมือภัยคุกคามทางอากาศระยะยาว ที่ได้รับการพูดถึงและความสนใจในขณะนี้ โดย เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เปิดประเด็นดังกล่าวในการประชุมครั้งล่าสุด นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการป้องกันระยะยาวของภูมิภาค (Defence Readiness Roadmap) และแผนการเฝ้าระวังกลุ่มประเทศ NATO ปีกตะวันออก (Eastern Flank Watch)
สาเหตุที่ยุโรปต้องมีกำแพงโดรน ด้าน มาร์ก รุตเตอ ให้เหตุผลกับสื่อไว้ว่า การใช้ขีปนาวุธราคาแพง ยิงทำลายโดรนราคาถูก อาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป โดยที่ NATO ยังต้องการให้ความสำคัญกับการป้องกันน่านฟ้าของแต่ละประเทศในระยะยาว
ทั้งนี้ ดร.สุเจตน์อธิบายลักษณะและรูปร่างหน้าตาของกำแพงโดรนว่า ไม่ใช่กำแพงเหมือนชื่อจริงๆ แต่เป็นเทคโนโลยี เซ็นเซอร์ หรือเรดาร์ ทำหน้าที่ตรวจจับและติดตามโดรน ที่เข้ามาน่านฟ้าของแต่ละประเทศ ซึ่งในขั้นตอนการสร้าง ต้องทำเป็นโครงข่ายต่อออกไปตามแนวชายแดนยุโรป เริ่มจากฟากตะวันออกเพื่อป้องกันไม่ให้โดรนบินเข้ามา พร้อมกับเปรียบเปรียว่า กำแพงโดรนทำหน้าที่เหมือน ‘กำแพง’ ที่ป้องกันไม่ให้ขโมยเข้าบ้าน
“กำแพงโดรนจะทำหน้าที่ป้องกัน โดยตรวจจับและทำการติดตามโดรน ยกตัวอย่างเช่น มีโดรนอาจจะบินหลุดหลงเข้าในโปแลนด์ และบินไปในประเทศอื่นต่อ กำแพงโดรนก็จะมีการติดตามต่อว่า โดรนที่หลงมาเข้ามาเป็นภัยคุกคามไหม” ประธานบริษัท อาร์ วี คอนเน็กซ์ เผิดเผย
นอกจากนี้ ดร.สุเจตน์ ยังตอกย้ำประเด็นของ มาร์ก รุตเตอ ว่า การใช้ขีปนาวุธทำลายโดรนเป็นเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสีย โดยยกตัวอย่างกรณีสงครามอิสราเอล-ฮามาสว่า ทำไม Iron Dome ของอิสราเอล จึงปล่อยให้จรวดของฮามาสหลุดเข้ามาได้ เพราะราคาของ 2 อาวุธต่างกันมาก ถือว่าไม่เหมาะสมและไม่คุ้มค่า ทำให้อิสราเอลใช้วิธีคาดเดา (Prediction) แทนว่า จรวดจะตกลงจุดไหนแทน
สำหรับวิธีการกำจัดโดรนโดยทั่วไป ดร.สุเจตน์ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
- Soft Kill หรือการตั้งข้อมูลให้โดรนบินมาตาม GPS ตามเส้นทางที่กำหนด หรือมีคนบังคับจากระยะไกล โดยใช้เทคนิคส่งข้อมูลหลอก (Spoofing) เพื่อให้ตัวรับสัญญาณคำนวณตำแหน่งโดรนผิดพลาด
- การใช้ปืนต่อสู้อากาศยานยิงฝูงโดรน แม้อาวุธจะมีราคาแพงกว่าโดรน แต่ก็คุ้มค่ากว่าการใช้ขีปนาวุธยิงโดยตรง
สำหรับประเด็นด้านความร่วมมือ ดร.สุเจตน์ เห็นว่า ยูเครนอาจเป็นผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีกำแพงโดรนได้ดี เพราะมีประสบการณ์และพัฒนาเทคโนโลยีในการสู้รบมานาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาระบบป้องกันภัยทางอากาศนี้
อย่างไรก็ตาม การสร้างกำแพงโดรนย่อมมีข้อจำกัด โดย ประธานบริษัท อาร์ วี คอนเน็กซ์ วิเคราะห์อุปสรรค 3 ปัจจัย ได้แก่
- ข้อจำกัดทางภูมิรัฐศาสตร์ของยุโรป ขณะที่หลายประเทศก็ยังไม่เห็นด้วยกับไอเดียดังกล่าว เช่น เยอรมนี
- ต้นทุนและงบประมาณการสร้างสูงมาก
- ระยะการสร้างยาวนาน เป็นไปได้ว่า หากจะให้กำแพงโดรนเกิดขึ้นเร็วที่สุดอาจต้องเริ่มทำบางพื้นที่ที่มีความพร้อม หรือเผชิญภัยคุกคามมากที่สุดก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เชื่อมโครงข่ายต่อกันออกไป
‘ไทย’ ถอดบทเรียนอะไรได้บ้างจากเหตุการณ์ครั้งนี้
สำหรับกรณีของประเทศไทยในการติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ ดร.สุเจตน์มองว่า โดรนไม่ได้ถูกใช้ในความขัดแย้งไทย-กัมพูชาอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงปัญหาตามแนวชายแดนอื่นๆ เช่น ชนกลุ่มน้อยในเมียนมาที่ใช้โดรนเข้ามาในการทำสงคราม ผู้เชี่ยวชาญโดรนอธิบายว่า ไทยอาจจะต้องเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ แม้ไม่ถึงขั้นสร้างกำแพงโดรนแบบยุโรป ซึ่งใช้งบประมาณมหาศาล แต่อาจจะคิดเป็นโจทย์แนวทางป้องกัน ด้วยการสร้างแนวป้องกันแบบจุดเคลื่อนที่ หรือ ‘แผนที่โดรน’ ที่เชื่อมโยงข้อมูลเข้ากองกำลังแต่ละจุด ซึ่งจะช่วยสามารถให้รับมือสถานการณ์ได้ทันท่วงที
“หรือไทยอาจจะใช้โดรนที่มีพิสัยการบินสูงขึ้น และเฝ้าตรวจชายแดนแทนเพื่อป้องกันประเทศ แทนที่จะเป็นกำแพงโดรนอย่างเดียว ซึ่งเราเซ็นเซอร์วิ่งตรวจจับแทน ก็อาจจะเหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศไทย
“ที่สำคัญก็คือไทยต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ เพราะการซื้อมาแล้วติดตั้งก็คงใช้งานไม่ทัน เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก” ดร. สุเจตน์ทิ้งท้าย
ภาพ: Parilov / Shutterstock
อ้างอิง:
- https://www.politico.eu/article/ursula-von-der-leyen-drone-wall-plan-crash-eu-reality/
- https://www.euronews.com/next/2025/09/30/which-countries-in-europe-have-spotted-suspicious-drones-in-their-airspace
- https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/poland-downs-drones-its-airspace-becoming-first-nato-member-fire-during-war-2025-09-10/
- https://fortune.com/2025/10/04/nato-russia-hybrid-war-threat-drones-europe-military-bases-airports/
- https://edition.cnn.com/2025/09/11/europe/nato-article-four-poland-drones-intl
- https://www.reuters.com/world/europe/denmark-has-no-plans-invoke-natos-article-4-foreign-minister-says-2025-09-26/
- https://www.wsj.com/world/europe/putin-warns-west-as-drones-appear-in-european-skies-1e8cb3ba
- https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/what-are-gerbera-drones-used-poland-incursion-2025-09-10/
- https://theconversation.com/poland-responds-to-russian-drones-incursion-by-invoking-article-4-of-the-nato-treaty-what-happens-next-265051
- https://edition.cnn.com/2025/10/01/europe/drone-wall-eu-leaders-counter-russia-intl
- https://www.nytimes.com/2025/10/01/world/europe/drone-wall-european-union-russia.html