×

AI กำลังครองตลาดหุ้นทั่วโลก ดันหุ้นโลกบวก 6 วันรวด ขณะที่ Alibaba กลับมาร้อนแรง มูลค่าฟื้น 8 ล้านล้านบาท

03.10.2025
  • LOADING...
AI หนุนตลาดหุ้นโลก หุ้นบวกต่อเนื่อง Alibaba ฟื้นตัวมูลค่า 8 ล้านล้านบาท

ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ ล่าสุด ดัชนี MSCI All Country World Index ปรับตัวขึ้น 6 วันรวด ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาหุ้นโลกพุ่งขึ้นมาแล้ว 18% โดยปัจจัยหนุนสำคัญที่ช่วยให้ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นต่อเนื่องคือ กระแสความเชื่อมั่นในกลุ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง

 

ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นสวนทางกับความเสี่ยงทางการเมืองในสหรัฐฯ ที่กำลังเผชิญกับภาวะ Government Shutdown สะท้อนว่าในขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักกับโอกาสการเติบโตของเทคโนโลยี AI มากกว่าความวุ่นวายทางการเมืองในระยะสั้น

 

หุ้นแพง แต่ยังห่างไกลฟองสบู่แตก

 

กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะบริษัทที่เชื่อมโยงกับ AI ของสหรัฐฯ แข็งแกร่งมาก หลังจากที่กำไรของหลายบริษัทยังคงเติบโตต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนมองว่า แม้หุ้นสหรัฐฯ จะมี P/E กว่า 20 เท่า แต่ท้ายที่สุดจะค่อยๆ ลดลงจากกำไรที่เติบโตได้ทัน

 

ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีจีน อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘หุ้นแถวสอง’ ซึ่งนักลงทุนมองว่ามีโอกาสจะเติบโตตามหุ้นสหรัฐฯ ส่วนหุ้นทั่วโลกที่ยังเป็นขาขึ้นได้ปัจจัยหนุนสำคัญจากเทรนด์ดอกเบี้ยขาลง และความไม่เชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์ จึงเห็นแรงขายพันธบัตรสหรัฐฯ ทำให้เงินทุนไหลเข้ามายังตลาดหุ้น ทองคำ และคริปโต

 

“จุดที่น่าสนใจคือ กำไรของหุ้นเทคโนโลยีจะตอบรับกับความคาดหวังไปได้ต่อเนื่องแค่ไหน และเม็ดเงินการลงทุน (CAPEX) การลงทุนใน AI ที่สูงผิดปกติในช่วงนี้ หากเริ่มลดลงอาจจะเห็นตลาดหุ้นพักฐานได้ แต่เชื่อว่าอาจจะไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ อย่างเร็วน่าจะเป็นปีหน้า”​ กรรณ์กล่าว

 

กรรณ์กล่าวต่อว่า แนวโน้มหุ้นฝั่งเอเชียในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 2020s น่าจะกลับมาโดดเด่นกว่าหุ้นสหรัฐฯ ได้ แม้เราจะเห็นหุ้นสหรัฐฯ เติบโตได้ต่อในช่วงปี 2026 – 2028 แต่การปรับตัวขึ้นอาจไม่รุนแรงเท่ากับ 4-5 ปีที่ผ่านมา

 

โดยสรุปแล้วแม้ราคาหุ้นโลกในเวลานี้จะแพง แต่ยังไม่เห็นสัญญาณอันตรายจากภาวะฟองสบู่มากนัก ต่างไปจากวิกฤตดอทคอมในอดีต เพราะกำไรของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

 

AI พาหุ้นเทคจีนทะยาน! Alibaba พุ่งกว่า 120%

 

ฟากตลาดหุ้นจีนกำลังอยู่ในภาวะกระทิงครั้งใหม่ที่ร้อนแรงที่สุดในรอบหลายปี แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปในครั้งนี้คือพลังขับเคลื่อนที่ไม่ได้มาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นหลักอีกต่อไป แต่มาจากกระแสความคลั่งไคล้ใน AI ซึ่งเป็นเทรนด์เดียวกับที่กำลังขับเคลื่อนตลาดหุ้นทั่วโลก

 

เอริก หว่อง ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Stillpoint Investments กล่าวว่า “ความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับสิ่งที่รัฐบาลจะทำและไม่ทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ถูกปรับเปลี่ยนไปแล้ว สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนรู้สึกสบายใจมากขึ้นที่จะนำเงินไปลงทุนในส่วนของเศรษฐกิจที่พวกเขาคิดว่ามีการเติบโตที่โดดเด่นเป็นพิเศษ” และส่วนนั้นก็คือ AI

 

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการพุ่งขึ้นอย่างมหาศาลของราคาหุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI ในจีนนับตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะ Alibaba ผู้พัฒนาระบบ AI โอเพนซอร์สที่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย ราคาหุ้น พุ่งขึ้นกว่า 120% ในปีนี้ เพิ่มมูลค่าตลาดไปแล้วกว่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ หรือกว่า 8 ล้านล้านบาท

 

Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ผู้ผลิตชิปที่ล้ำสมัยที่สุดของจีน ราคาหุ้น ทะยานขึ้นถึงประมาณ 180% ขณะที่ Baidu, Tencent และ Xiaomi ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นราว 60% ในปีนี้

 

เมื่อเปรียบเทียบกับ Nvidia ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิปของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ AI Boom ทั่วโลก และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นประมาณ 40% ในปีนี้

 

ที่น่าสนใจคือ ดัชนีหุ้นจีนในปัจจุบันถูกครอบงำโดยบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้น โดย 3 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Tencent, Alibaba และ Xiaomi มีน้ำหนักรวมกันคิดเป็นประมาณ 30% ของดัชนี

 

วินนี วู หัวหน้านักกลยุทธ์หุ้นจีนของ BofA Global Research ได้ขนานนามจีนว่าเป็น “ผู้ท้าชิงอันดับหนึ่งของโลกในด้าน AI” โดยชี้ถึงจุดแข็งทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐ, ข้อมูลมหาศาล, แหล่งพลังงานที่เพียงพอ, ความสามารถในการผลิตชั้นนำ และภาคเอกชนที่มีการแข่งขันสูง

 

AI ดูดเม็ดเงินทุบสถิติเกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์

 

ข้อมูลล่าสุดจาก PitchBook เผยว่า สตาร์ทอัพในกลุ่ม AI ได้กลายเป็น ‘หลุมดำ’ ที่ดูดเม็ดเงินลงทุนไปแล้วถึง 1.927 แสนล้านดอลลาร์ หรือกว่า 6 ล้านล้านบาท นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์

 

ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ปี 2025 กำลังจะกลายเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ที่เม็ดเงินลงทุน VC กว่าครึ่งหนึ่งของโลก ราว 53.2% ไหลเข้าสู่อุตสาหกรรม AI เพียงกลุ่มเดียว แต่ในทางกลับกัน สตาร์ทอัพนอกสายตา โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ AI กลับกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการระดมทุน

 

ไคล์ แซนฟอร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ PitchBook สรุปภาพตลาดในปัจจุบันไว้อย่างชัดเจนว่า “ไม่ว่าเราจะมองไปทางไหน ตลาดก็ถูกแบ่งออกเป็นสองขั้ว คุณอยู่ในวงการ AI หรือไม่ก็ไม่ใช่ คุณเป็นบริษัทใหญ่ หรือไม่ก็ไม่ใช่”

 

เงินทุนส่วนใหญ่ไม่ได้กระจายไปยังสตาร์ทอัพ AI หน้าใหม่ทั้งหมด แต่กลับไปกระจุกตัวอยู่ที่บริษัทที่เป็นที่ยอมรับและเป็นผู้นำในตลาดอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่นในไตรมาสล่าสุด สตาร์ทอัพชื่อดังอย่าง Anthropic และ xAI ของ อีลอน มัสก์ ต่างก็สามารถระดมทุนได้ในระดับหลายพันล้านดอลลาร์

 

โดยกลุ่ม AI กำลังเฟื่องฟู สตาร์ทอัพในกลุ่มอื่นๆ กลับต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่โหดร้าย ทั้งจำนวนบริษัททั่วโลกที่สามารถระดมทุน VC ได้สำเร็จในปี 2025 กำลังจะแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปี

 

ขณะที่จำนวนบริษัท VC ที่สามารถระดมทุนจัดตั้งกองทุนใหม่ก็ลดลงเช่นกัน ข้อมูลจาก PitchBook ชี้ว่า ปีนี้มีกองทุนใหม่เพียง 823 กองทุนที่ระดมทุนได้ราว 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงอย่างฮวบฮาบเมื่อเทียบกับปี 2022 ที่มีถึง 4,430 กองทุน ระดมทุนได้กว่า 4.12 แสนล้านดอลลาร์

 

แซนฟอร์ดอธิบายว่า ปัจจัยสำคัญมาจากผลพวงของตลาด IPO และการควบรวมกิจการ (M&A) ที่ยังคงซบเซา ทำให้นักลงทุนในกองทุน VC (Limited Partners) และบริษัท VC เอง “พิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้นว่าจะนำเงินไปลงทุนที่ไหน และพวกเขากำลังมุ่งเน้นไปที่ AI” ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเดิมพันที่ปลอดภัยและมีศักยภาพการเติบโตสูงสุดในขณะนี้

 

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างล้นหลามต่อศักยภาพของ AI ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความท้าทายครั้งใหญ่ให้กับระบบนิเวศสตาร์ทอัพในภาพรวม ที่อาจขาดความหลากหลายและนวัตกรรมใหม่ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นที่จำเป็นต่อเศรษฐกิจ แต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เท่าที่ควร

 

ภาพ: Connect Images/KaPe Schmidt / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising