สหรัฐอเมริกากำลังเดินหน้าสู่ภาวะชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐบาล หลังจากที่การลงมติขยายเวลาการจัดสรรงบประมาณในวุฒิสภา ได้รับเสียงสนับสนุน 55 ต่อ 45 เสียง ซึ่งไม่ถึงเกณฑ์ 60 เสียงที่จำเป็นในการผลักดันร่างกฎหมาย ความล้มเหลวนี้เกือบจะรับประกันว่า หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมดที่ถือว่า ‘ไม่จำเป็น’ ตั้งแต่วันพุธ (1 ตุลาคม) เป็นต้นไป
ความขัดแย้งด้านงบประมาณของสหรัฐฯ กลายเป็นประเด็นปัญหาปกติ เนื่องจากระบบการเมืองของประเทศมีปัญหามากขึ้น อีกทั้งการแก้ไขปัญหาในนาทีสุดท้ายดูเหมือนจะ ‘เป็นไปไม่ได้’ เนื่องจากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตยังไม่มีสัญญาณว่าจะสามารถลดความแตกแยกได้ก่อนเดดไลน์ 1 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น
จอห์น ธูน ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ระบุว่า วุฒิสภาจะลงมติอีกครั้งในวันพุธ ตามวาระที่ผ่านการเห็นชอบโดยสภาผู้แทนราษฎร
ความขัดแย้งหลักในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเงินจำนวน 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใช้ในการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ โดยคิดเป็นประมาณ 1ใน 4 ของงบประมาณทั้งหมดราว 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของรัฐบาลทรัมป์ 2.0
ประเด็นที่ขัดแย้งกันมากที่สุดคือ เรื่องการดูแลสุขภาพ (Health Care) โดยพรรคเดโมแครตยืนยันว่าร่างกฎหมายใช้จ่ายใด ๆ จะต้องรวมการอุดหนุนเพิ่มเติมสำหรับกฎหมายว่าด้วยการดูแลสุขภาพที่ราคาไม่แพง (Affordable Care Act: ACA) ซึ่งกำลังจะหมดอายุลงในช่วงสิ้นปีนี้ และถ้าหากไม่มีการแก้ไขหรือการอุดหนุน ACA ที่จะหมดอายุลง จะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพสำหรับชาวอเมริกันราว 24 ล้านคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐที่บริหารโดยรีพับลิกัน เช่น ฟลอริดาและเท็กซัส
ขณะที่พรรครีพับลิกัน ยืนยันว่า ทั้งประเด็นเรื่องงบประมาณและสุขภาพ ควรได้รับการจัดการแยกกัน พวกเขากล่าวหาว่า พรรคเดโมแครตกำลังจับงบประมาณเป็นตัวประกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของฐานเสียงของตน ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2026
ส่วนผลกระทบจากการชัตดาวน์นั้น จะทำให้หลายหน่วยงานรัฐที่ถูกมองว่า ‘ไม่จำเป็น’ ในช่วงเวลานี้ต้องปิดทำการชั่วคราว ขณะที่บุคลากรหลายหมื่นคนจะถูกส่งกลับบ้านโดย ‘ไม่ได้รับค่าจ้าง’ ส่วนบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่ถือว่า ‘จำเป็น’ เช่น ทหาร เจ้าหน้าที่รักษาชายแดน จะยังคงทำงานต่อไป แต่จะไม่ได้รับค่าจ้าง จนกว่ารัฐสภาจะสามารถแก้ไขข้อขัดแย้งได้
ทางด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ขู่ก่อนที่จะมีการลงมติของวุฒิสภาว่า เขาจะยกเลิกโครงการที่พรรคเดโมแครตชื่นชอบ และไล่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางออกเพิ่มขึ้น หากรัฐบาลจะต้องถูกชัตเดาวน์
การเลิกจ้างดังกล่าวอาจนำไปสู่การสูญเสียบุคลากรที่มีความสามารถของรัฐบาล (Brain Drain) เพิ่มเติม โดยสัปดาห์นี้มีพนักงานมากกว่า 150,000 คนกำลังจะออกจากบัญชีเงินเดือนของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
เหตุการณ์ที่สหรัฐฯ ชัตดาวน์ครั้งล่าสุด เกิดขึ้นในปี 2018-2019 เป็นเวลา 35 วัน ในช่วงวาระแรกของรัฐบาลทรัมป์ 1.0 เนื่องจากความขัดแย้งเรื่องคนเข้าเมือง ซึ่งสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 0.02% ของ GDP สหรัฐฯ ในช่วงเวลานั้น
นับตั้งแต่ปี 1981 สภาคองเกรสชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐฯ มาแล้ว 15 ครั้ง โดยส่วนใหญ่ใช้เวลาเพียง 1-2 วันเท่านั้น
ภาพ: Anna Moneymaker / Getty Images
อ้างอิง:
