วันนี้ (29 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลสำรวจนิด้าโพลที่มีข้อสังเกตว่า ความนิยมในตัวณัฐพงษ์น้อยลง และความนิยมของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพิ่มขึ้นเป็นลำดับนั้น
ณัฐพงษ์ระบุว่า พร้อมรับในข้อคิดเห็น และขอบคุณประชาชนที่สะท้อนเสียงออกมาผ่านผลโพล ก่อนหน้านี้ผลโพลมีทั้งขึ้นและลง เมื่อไรที่ขึ้นก็ขอบคุณ เมื่อไรที่ลงก็ต้องรับมาสะท้อน และมาปรับปรุงการทำงาน อยากให้ทุกคนที่แสดงข้อคิดเห็นผ่านผลโพลได้ติดตามการทำหน้าที่ของพรรคประชาชนในช่วง 4 เดือน และในทุกย่างก้าว ทุกการกระทำ ทุกการทำหน้าที่ในสภา จะเป็นข้อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าทำไมเราตัดสินใจโหวตให้อนุทิน ซึ่งทุกย่างก้าวจะเป็นประโยชน์ หาทางออกให้กับประเทศ
ส่วนจะต้องปรับแผนการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ เพราะคู่แข่งคนสำคัญครั้งหน้าคือพรรคภูมิใจไทย อนุทินกล่าวว่า ได้วางแผนและปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่บรรลุข้อตกลง MOA ภายในของพรรคประชาชนก็ได้เตรียมกองแคมเปญขึ้นมาเพื่อเตรียมยุทธศาสตร์หาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงบุคคลต่างๆ และเตรียมทาบทามบุคคล ที่จะดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งต้องรอจังหวะที่เหมาะสมและจะเปิดตัวต่อไป
ส่วนจะเป็นช่วงไหนที่ควรเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชน ณัฐพงษ์กล่าวว่า อาจเป็นช่วงใกล้ปลายเดือนมกราคมเป็นต้นไป ที่มีข้อแน่ชัดว่ามีการยุบสภา และมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งจริงๆ รวมถึงบุคคลที่เราทาบทามอาจมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน อาจไม่สะดวกเปิดตัวในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง บางคนอาจสะดวกเปิดตัวตอนจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นต้องรอฟังเสียงประชาชนที่ไปใช้สิทธิในคูหาเลือกตั้ง พูดตอนนี้อาจจะเร็วไป
ย้ำ MOA ขีดเส้นแบ่งไว้ชัด ไม่ขัดหลักการ
ณัฐพงษ์ยังได้กล่าวถึงความคิดเห็นของ ศ. ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า การทำ MOA ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยผิดธรรมชาติ เพราะหากลงมติไว้วางใจในการอภิปรายจะถือว่าผิดสัญญา โดยระบุว่า น้อมรับในความคิดเห็นของ ศ. ดร.สิริพรรณ ซึ่งก็ยอมรับ และเคยโหวตสนับสนุนให้ ศ. ดร.สิริพรรณ เมื่อครั้งสมัครเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ณัฐพงษ์ระบุว่า เข้าใจในข้อห่วงใย แต่เชื่อว่าการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะไม่เป็นข้อขัดแย้งต่อ MOA แต่อย่างใด เพราะเราขีดเส้นแบ่งไว้ค่อนข้างชัด เพราะ MOA กำหนดแค่กรอบเวลาไว้แค่ 4 เดือนและกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาชนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ MOA หรือพรรคภูมิใจไทย
ส่วนข้อเสนอจากพรรคเพื่อไทยว่า พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ควรจะคุยกันอีกรอบเพื่อให้ได้ร่างรัฐธรรมนูญไปในทางเดียวกัน และควรจะไลฟ์ให้กับประชาชนติดตามด้วย ณัฐพงษ์กล่าวว่า ได้เชิญชวนให้มีการไลฟ์ในคณะกรรมาธิการ แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ที่จะเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้ ย้ำว่าการเจรจากับทุกพรรคหลังจากนี้ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน เพื่อให้ได้ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด และควรทำในเวทีที่เป็นทางการเช่นกรรมาธิการวิสามัญก็จะยิ่งดี