กระทรวงพาณิชย์ เผยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ไทยส่งออกทองคำไปทั่วโลกเป็นมูลค่ากว่า 8.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 87.7% จากปีก่อน โดยมี ‘กัมพูชา’ เป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 2 ด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่า สาเหตุหลักมาจาก ‘ราคาทองคำ’ ที่ปรับตัวขึ้น และปริมาณการนำเข้าทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
วันนี้ (24 กันยายน) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสถิติการค้าทองคำระหว่างประเทศของไทย โดยแสดงให้เห็นว่า ในเดือนสิงหาคม 2568 ไทยส่งออกทองคำเป็นมูลค่า 1,111 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 144% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ทำให้ช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-สิงหาคม) ไทยส่งออกทองคำไปทั่วโลกเป็นมูลค่า 8,733.4 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 87.7% YoY
อย่างไรก็ตาม การนำเข้าทองคำของไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ยังคงสูงกว่าการส่งออก โดยมีมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 12,928 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 39.5% YoY
ด้านปริชญา ฤทธิ์สุข เจ้าหน้าที่วิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด (KResearch) มองว่า การส่งออกทองคำยังขยายตัวสูง จากความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งกว่า 50% เป็นการส่งออกไปตลาดสวิตเซอร์แลนด์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เจาะสาเหตุ ‘ทองคำ-หุ้นสหรัฐฯ’ ทุบสถิติ All-Time High พร้อมกัน และตอนจบที่นักลงทุนต้องระวัง
- ทองคำไทย ‘ขาขึ้นถึงปีหน้า’ แม้ล่าสุดราคาทะลุ 54,000 บาทไปแล้ว อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง…
โดยประเทศ 5 อันดับแรก ที่ไทยส่งออกทองคำ สูงสุดในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งครอบคลุมการส่งออกทองคำของไทยกว่า 92% ได้แก่
- สวิตเซอร์แลนด์ (มูลค่าส่งออกทองคำ 3,824.9 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 159.9% YoY ครองส่วนแบ่ง 43.8%)
- กัมพูชา (มูลค่าส่งออกทองคำ 2,346.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 28.4% YoY ครองส่วนแบ่ง 26.9%)
- สปป.ลาว (มูลค่าส่งออกทองคำ 1,173.3 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 73.8% YoY ครองส่วนแบ่ง 13.5%)
- สิงคโปร์ (มูลค่าส่งออกทองคำ 380.0 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 194.5% YoY ครองส่วนแบ่ง 4.4%)
- ฮ่องกง (มูลค่าส่งออกทองคำ 316.3 ล้านดอลลาร์ หดตัว 19.4% YoY ครองส่วนแบ่ง 3.6%)
กระทรวงพาณิชย์พร้อมให้ข้อมูล ปมส่งออกทองคำไปกัมพูชา
การเปิดเผยตัวเลขครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกังวลของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่มองว่า ไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชาสูงผิดปกติ ทั้งๆ ที่กัมพูชาเป็นประเทศค่อนข้างเล็ก จนห่วงว่า การส่งออกนี้อาจเชื่อมโยงกับธุรกรรมสีเทา
ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ยังระบุว่า การส่งออกทองคำไปยังกัมพูชา ในเดือนสิงหาคม 2568 มีมูลค่า 197.5 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30.4% YoY ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่มูลค่าเพิ่มขึ้น 53.8% YoY
พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ ตอบกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า การส่งออกทองคำไปกัมพูชาอาจมีความผิดปกติว่า “ควรให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบธุรกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยทางสนค. จะให้ความสนับสนุนด้านข้อมูลอย่างเต็มที่”
YLG ชี้ไทยส่งออกทองสูง เหตุราคาพุ่ง มองการเคลื่อนไหวปกติ
เบญจมา มาอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH โดยมองว่า การส่งออกทองคำที่สูงขึ้นในปีนี้ มีสาเหตุหลักมาจากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก โดยตั้งแต่ต้นปี ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมากว่า 43% YTD แล้ว นอกจากนี้ อีกสาเหตุมาจากปริมาณการนำเข้าทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ย้ำปริมาณนำเข้าทองคำ ‘แซง’ การส่งออก
เบญจมา อธิบายเพิ่มเติมว่า การพิจารณาตัวเลขส่งออกและนำเข้าทองคำ ไม่ควรดูแค่มูลค่า (Value) เท่านั้น แต่ควรดูปริมาณ (Quantity) ด้วย
โดยตามข้อมูลจากกรมศุลกากรแสดงให้เห็นว่า ในช่วง 7 เดือนแรก (มกราคม – กรกฎาคม) ปริมาณการนำเข้าทองคำเติบโตสูงกว่าปริมาณการส่งออก ดังนี้
- ปริมาณการส่งออกทองคำของไทย 7 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 31.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปริมาณรวมประมาณ 78.075 ตัน
- ปริมาณการนำเข้าทองคำของไทย 7 เดือนแรก กลับเพิ่มขึ้นถึง 82.53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปริมาณรวม 187.848 ตัน
เบญจมากล่าวอีกว่า การนำเข้าทองคำที่สูงขึ้นมาจากความต้องการ (Demand) ทองคำที่สูงขึ้น เนื่องจาก ประเทศไทยไม่มีเหมืองทองคำ ดังนั้น อุปทานทองคำในประเทศจึงต้องถูกเติมเต็มด้วยการนำเข้าเป็นหลัก และส่วนที่เหลือมาจากการรีไซเคิลทองในประเทศ ดังนั้น ปริมาณการนำเข้าจึงจะสูงกว่าปริมาณการส่งออก
เปิดแพทเทิร์นราคาทองต่อ ‘การนำเข้า-ส่งออก’ ทองคำไทย
เบญจมา อธิบายต่อว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สังเกตได้ว่า ปริมาณการนำเข้าทองคำจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง สะท้อนว่า คนไทยเข้าซื้อทองคำเพื่อสะสมเป็นจำนวนมาก เมื่อราคาลด
แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น คนไทยก็จะมีการขายทำกำไรออกมา ซึ่งแรงขายนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้น
“กลไกเช่นนี้เกิดขึ้นในช่วงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เว้นแต่ในช่วงโควิด-19 ที่การส่งออกเพิ่มขึ้นเนื่องจากคนไทยนำทองคำที่ถืออยู่มาขายเพื่อประคับประคองครอบครัว” เบญจมากล่าว
เปิดมุมมอง YLG ต่อการส่งออกไปกัมพูชา
สำหรับการส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาที่มีการเติบโตในระดับสูง เบญจมา มองว่า กัมพูชามักนำเข้าทองคำจากไทยเป็นปกติ เนื่องจากกัมพูชามีวัฒนธรรมที่ผูกพันกับทองคำเช่นเดียวกับไทย และต้องพึ่งพาการนำเข้า เพราะกัมพูชาไม่สามารถผลิตทองคำได้เองและไม่มีเหมืองทองเช่นกัน
โดยตลอด 7 เดือนแรกของปี ไทยส่งออกทองไปกัมพูชาลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 21,070 กิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนประมาณ 12% YOY ขณะที่ตัวเลขมูลค่าที่สูงขึ้น เป็นผลจากราคาทองคำที่ปรับตัวมากขึ้นกว่าปีก่อน
ทั้งนี้ YLG มองว่า ทิศทางตลาดทองคำของไทยจะยังคงเคลื่อนไหวไปตามราคาทองคำเป็นหลัก และคาดว่าตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ ภาพรวมก็จะยังสะท้อนกลไกตลาดเช่นเดิม
พาณิชย์แจงผลกระทบของ ‘ทองคำ’ ต่อการส่งออก-เงินบาท
กระทรวงพาณิชย์ยังกล่าวอีกว่า ทองคำมีสัดส่วนประมาณ 3.0% ของการส่งออกของไทย โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% จากเดิม 2.9% ในปี 2567
ขณะที่ทองคำมีสัดส่วนประมาณ 5.0% ของการนำเข้าของไทย โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% จากเดิม 5.0% ในปี 2567
โดยไทยเป็นประเทศ ‘ผู้นำเข้าทองคำสุทธิ’ (Net Importer) มาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการส่งออกเพิ่มขึ้นในบางช่วง แต่ปริมาณการนำเข้าก็ยังคงสูงกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่นักลงทุนในประเทศมีความต้องการสูงเพื่อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกที่สูงขึ้นส่งผลให้มูลค่าการส่งออกทองคำของไทยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
พร้อมทั้งกล่าวอีกว่า ไทยมีศักยภาพในการส่งออกทองคำ โดย ไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าทองคำทำให้มีปริมาณทองคำหมุนเวียนจำนวนมาก ผู้ค้าสามารถเข้าถึงทองคำได้ง่าย และมีราคาที่สามารถแข่งขันได้
กระทรวงพาณิชย์ยังย้ำว่า การส่งออกทองคำไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับโครงสร้างการส่งออกทั้งหมดของประเทศแล้ว สัดส่วนของทองคำยังถือว่าไม่ใหญ่มาก แต่ทองคำเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจโลก ค่าเงินดอลลาร์ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่การส่งออกทองคำจำนวนมากทำให้มีเงินตราต่างประเทศไหลเข้าสู่ประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการออกมาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่