×

เปิดเหตุผลมาเรซกา ทำไมเปลี่ยนแนวรุกตั้งแต่ 20 นาทีแรก? เกมพ่ายแมนฯ ยูไนเต็ด

21.09.2025
  • LOADING...

ย้อนกลับไปในเกมบิ๊กแมตช์ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ความดราม่าเริ่มขึ้นตั้งแต่นาทีที่ 5 เมื่อ โรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตูเชลซีโดนใบแดงหลังพุ่งชนใส่ไบรอัน เอ็มบูโมของยูไนเต็ด

 

ทำให้แผนที่ เอ็นโซ่ มาเรซกา วางไว้อย่างละเอียดต้องพังทลายในพริบตา จากนั้นสถานการณ์ยิ่งยากขึ้นเมื่อเขาต้องเปลี่ยนผู้เล่นแนวรุกออกตั้งแต่ 20 นาทีแรก และตามมาด้วยการตัดสินใจในครึ่งหลังที่ขัดใจแฟนบอลจำนวนไม่น้อย

 

หลังเกม มาเรซกาอธิบายถึงจุดเริ่มต้นของปัญหา เขามองว่าช็อตที่ซานเชซฟาวล์เอ็มบูโม คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทีมเสียเปรียบทันที

 

“มันเป็นเรื่องที่หนักมาก… ใบแดงแบบนี้ไม่ใช่แค่เชลซีหรอกที่เจอปัญหา สโมสรไหนก็เจอปัญหาเหมือนกัน” มาเรซกากล่าวหลังเกม

 

“หลังจากโดนใบแดง แผนการทั้งหมดก็ไม่เหลืออยู่อีกแล้ว ถ้าย้อนกลับไปได้ ผมยอมเสียหนึ่งประตูตั้งแต่นาทีที่ 3 ดีกว่าต้องเสียผู้รักษาประตู เพราะเรายังมีเวลาเล่นอีก 95 นาที ผมคิดว่าโรเบิร์ตก็รู้เรื่องนี้ แต่เขาต้องตัดสินใจในเสี้ยววินาที”

 

แท็กติกปกติของเชลซีในยุคมาเรซกาคือการขึ้นเกมด้วยผู้เล่นแนวรุกห้าคน แต่เมื่อเหลือผู้เล่นน้อยกว่า เขาจำเป็นต้องถอยมาเล่นเกมรับเต็มตัว โดยถอด เปโดร เนโต้ และ เอสเตวาโอ วิลเลียน ออก เพื่อส่งผู้รักษาประตูสำรอง ฟิลิป ยอร์เกนเซน และกองหลัง โตซิน อดาราบิโอโย ลงสนาม แผนจึงเปลี่ยนเป็นกองหลัง 5 คน กองกลาง 3 คน และเหลือเพียง เจา เปโดร ในแดนหน้า

 

“ในสภาพ 11 ต่อ 11 เราอาจเล่นรับด้วย 4 คนได้ แต่พอเหลือ 10 คน เราจำเป็นต้องถอยมาเล่นไลน์ 5 เพื่อความแน่นอน”

 

อย่างไรก็ตาม การปรับเกมรับเช่นนี้กลับดูเหมือนตัดพลังเกมรุกออกไป และไม่นานยูไนเต็ดก็ขึ้นนำจาก บรูโน แฟร์นันด์ส ก่อนที่ โคล พาล์มเมอร์ จะต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 21 จากอาการเจ็บที่ยังไม่หายขาด ทำให้เชลซีใช้โควต้าเปลี่ยนตัวครบ 3 คนเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกเพียง 21 นาทีแรก

 

มาเรซกาเปิดเผยว่า พาล์มเมอร์เพิ่งผ่านการทดสอบร่างกายในตอนเช้าและยืนยันอยากช่วยทีม แม้จะยังไม่สมบูรณ์ 100% แต่สุดท้ายก็ฝืนไม่ไหว

 

“โคลอยากช่วยทีม เขาทดสอบร่างกายในตอนเช้าและบอกว่าพอเล่นได้ แต่หลังจากผ่านไป 20 นาที เขาเริ่มเจ็บขึ้นมาอีก เราเลยต้องเปลี่ยนออก”

 

การเสียพาล์มเมอร์ตั้งแต่ต้นเกมทำให้เชลซีขาดคนเชื่อมแดนกลางโดยตรง และเมื่อ กาเซมิโร่ มาซัดเพิ่มให้ยูไนเต็ดนำ 2-0 ก่อนพักครึ่ง สถานการณ์ของทีมก็ยิ่งย่ำแย่ แม้ครึ่งหลังเชลซีจะได้เปรียบตัวผู้เล่นหลังยูไนเต็ดเหลือ 10 คนเท่ากัน แต่พวกเขากลับแทบไม่มีจังหวะเร่งเกมไล่ตาม

 

เสียงวิจารณ์จาก เวย์น รูนีย์ หลังเกมสะท้อนมุมมองแฟนบอลได้ชัดว่า “ตอนที่เหลือ 10 คนเท่ากัน ผมไม่เห็นความเร่งรีบจากเชลซีเลย พวกเขาเล่นช้าไปมา ถ้าคุณเป็นแฟนเชลซี คุณต้องอยากเห็นทีมมีความดุดันกว่านี้”

 

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจในครึ่งหลังก็ยังเป็นที่วิจารณ์ เมื่อมาเรซกาเลือกถอด เวสลีย์ โฟฟานา แล้วส่ง ไทริก จอร์จ ลงสนาม แทนที่จะเป็น อเลฮานโดร การ์นาโช่ ทั้งที่ก่อนเกม เขาเพิ่งยอมรับว่าได้คิดถึง “แรงจูงใจพิเศษ” ของการ์นาโช่สำหรับแมตช์นี้

 

“มันเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เขายังหนุ่ม คุณไม่รู้หรอกว่าเขาจะตอบสนองอย่างไร ถ้าเราตัดสินใจส่งเขาลงตัวจริง เราจะมีการพูดคุยกับเขาเพื่อดูว่าเขารู้สึกยังไงกับเกมนี้”

 

แต่สุดท้าย เมื่อถึงเวลาต้องเลือก มาเรซกากลับไม่ใช้โอกาสนั้น และเลือกทางที่ปลอดภัยกว่าแทน

 

ถัดจากนั้น แม้เชลซีจะได้ประตูตีไข่แตกจาก เทรโวห์ ชาโลบาห์ ในนาทีที่ 80 แต่ก็ไล่ไม่ทัน จบเกมเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เปิดบ้านเฉือนชนะ 2-1 คว้า 3 แต้มสำคัญ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 10 ของตาราง มี 7 คะแนน ส่วนเชลซีหล่นไปอยู่อันดับ 6 มี 8 คะแนนเท่าเดิม

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising