×

จับตาซัมมิต ทรัมป์-ปูติน ที่ฐานทัพสหรัฐฯ ในอะแลสกา คุยเรื่องอะไร

15.08.2025
  • LOADING...
ทรัมป์-ปูติน

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เตรียมพบกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ฐานทัพร่วมเอลเมนดอร์ฟ-ริชาร์ดสัน (JBER) ในเมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกาของสหรัฐฯ ในวันนี้ (15 สิงหาคม) ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อหารือแนวทางยุติสงครามในยูเครน โดยนับเป็นการพบกันครั้งแรกในรอบ 6 ปีระหว่างทรัมป์และปูติน หลังจากพบกันครั้งล่าสุดที่การประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่ญี่ปุ่น เมื่อปี 2019

 

ทำไมถึงต้องพบกันที่อะแลสกา?

 

สหรัฐฯ ซื้ออะแลสกาจากรัสเซียในปี 1867 ก่อนที่อะแลสกาจะกลายเป็นรัฐที่ 49 ของสหรัฐฯ ในปี 1959 การเลือกสถานที่นัดพบเป็นรัฐอะแลสกาจึงมีส่วนเพิ่มความหมายทางประวัติศาสตร์ให้กับการประชุมครั้งนี้

 

ยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียชี้ว่า ทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านโดยมีช่องแคบแบริ่งกั้นระหว่างกัน จึงดูสมเหตุสมผลที่ฝ่ายเราจะบินข้ามช่องแคบนี้มา และให้ซัมมิตระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศครั้งนี้จัดขึ้นที่อะแลสกา

 

ก่อนหน้านี้เมืองแองเคอเรจ รัฐอะแลสกาก็เคยถูกใช้เป็นพื้นที่เจรจาทางการทูตของสหรัฐฯ เมื่อเดือนมีนาคม 2021 ระหว่างทีมงานด้านความมั่นคงของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงเวลานั้นกับคู่เจรจาชาวจีน

 

โดยทรัมป์และปูตินจะหารือกันที่ฐานทัพร่วมเอลเมนดอร์ฟ-ริชาร์ดสัน ซึ่งเป็นฐานทัพที่ใหญ่ที่สุดของรัฐอะแลสกา และเป็นฐานทัพสำคัญของสหรัฐฯ สำหรับการเตรียมความพร้อมทางทหารในอาร์กติก ทั้งยังเคยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันภัยจากสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็นอีกด้วย ซึ่งทรัมป์เคยกล่าวขณะที่เดินทางเยือนฐานทัพนี้ในปี 2019 ว่า “กองทัพที่นี่ ทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันแรกของประเทศในแดนสุดท้ายของสหรัฐฯ”

 

ทำไมทรัมป์และปูตินจึงต้องพบกันในเวลานี้?

 

ในช่วงหาเสียงทรัมป์สัญญาว่า เขาจะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่เขารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง และเคยกล่าวว่าสงครามนี้ “จะไม่เกิดขึ้นเลย” หากเขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงที่รัสเซียบุกยูเครนในปี 2022 

 

แต่จนถึงขณะนี้ ความพยายามของทรัมป์ที่จะผลักดันให้มีการยุติสงครามในยูเครนก็ ‘ยังไม่ประสบผลสำเร็จ’ 

 

ทรัมป์เคยเผยว่า เขารู้สึกผิดหวังในตัวปูติน พร้อมกับตั้งเดดไลน์วันที่ 8 สิงหาคมให้ปูตินยอมรับข้อตกลงหยุดยิงทันที มิฉะนั้นจะถูกลงโทษหนักจากสหรัฐฯ แต่เมื่อถึงเดดไลน์ ทรัมป์กลับประกาศว่า เขาจะพบกับปูตินแบบตัวต่อตัวในวันที่ 15 สิงหาคมนี้แทน

 

ซัมมิตในครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจาก สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯ พบกับปูตินที่กรุงมอสโก และเผยว่าการเจรจาหารือเบื้องต้น “มีประสิทธิภาพสูง”

 

ก่อนหน้านี้ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับ Fox News Radio โดยยอมรับว่า “มีโอกาส 25% ที่การประชุมครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ” อย่างไรก็ตาม ทรัมป์เชื่อว่าปูตินพร้อมที่จะยุติสงครามในยูเครน แต่การบรรลุข้อตกลงสันติภาพน่าจะต้องมีการจัดการประชุมครั้งที่สองซึ่งมีผู้นำยูเครนเข้าร่วมด้วย

 

ผู้นำยูเครนจะเข้าร่วมซัมมิตครั้งนี้ด้วยหรือไม่?

 

โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ไม่มีแนวโน้มจะเข้าร่วมหารือในซัมมิตครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ระบุว่า เซเลนสกีจะเป็นคนแรกที่เขาจะโทรไปหลังการประชุมเสร็จสิ้น

 

ทั้งทรัมป์และเซเลนสกี รวมถึงผู้นำยุโรปอีกหลายประเทศ พบกันทางออนไลน์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (13 สิงหาคม) เพื่อหารือกันถึงสันติภาพในยูเครน และลดโอกาสการเกิดดีลระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย ซึ่งอาจทำให้ยูเครนตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอีกในอนาคต

 

โดยปูตินขอให้เซเลนสกีไม่เข้าร่วมซัมมิตครั้งนี้ แม้สหรัฐฯ จะแสดงความพร้อมจัดการประชุม 3 ฝ่าย หากผู้นำทุกคนพร้อมเข้าร่วม ขณะที่เซเลนสกีเน้นย้ำว่า ข้อตกลงที่ยูเครนไม่ได้มีส่วนร่วม ถือเป็น “การตัดสินใจที่ไม่มีความหมาย”

 

ทรัมป์-ปูติน คุยเรื่องอะไร และคาดหวังอะไรจากซัมมิตนี้?

 

ทั้งรัสเซียและยูเครน ‘ต่างต้องการยุติสงคราม’ แต่เงื่อนไขของทั้งคู่ต่างขัดแย้งและสวนทางกันอย่างมาก โดยทรัมป์และปูตินจะพยายามหารือถึงทางออกและเงื่อนไขในการยุติสงครามในยูเครน 

 

ทรัมป์ระบุว่า เขาจะพยายามให้ยูเครนได้รับดินแดนบางส่วนที่ถูกรัสเซียยึดครองไปกลับคืนมา แต่ขณะเดียวกันก็เตือนว่า อาจต้องมีการแลกเปลี่ยนพื้นที่ หรือเปลี่ยนแปลงดินแดนเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ยูเครน ‘ไม่สามารถยอมรับได้’ โดยเซเลนสกีเน้นย้ำว่า เขาจะไม่ให้รางวัลใดๆ กับรัสเซีย สำหรับสิ่งที่รัสเซียได้ทำไว้

 

ทางด้านปูตินยังยืนกรานเกี่ยวกับข้อเรียกร้องในเรื่องดินแดนยูเครนที่รัสเซียยึดครองอยู่ในขณะนี้ รวมถึงเรียกร้องให้ยูเครนเป็นกลาง และจำกัดขนาดของกองทัพในอนาคต เนื่องจากสงครามเต็มรูปแบบที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพราะปูตินกังวลว่า NATO จะใช้ยูเครนซึ่งเปรียบเสมือนเป็นสวนหลังบ้านของรัสเซียเป็นฐานกองกำลัง เพื่อนำทหารเข้ามาประชิดพรมแดนรัสเซีย ซึ่งนั่นจะกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติของรัสเซียอย่างร้ายแรง

 

นักวิเคราะห์มองว่า เป้าหมายหลักในการเข้าร่วมซัมมิตครั้งนี้ของปูตินคือ การได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าความพยายามของตะวันตกในการกีดกันตนเองนั้นล้มเหลว ภาพซัมมิตในครั้งนี้จะเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจนในสายตาปูตินว่ารัสเซียกลับเข้าสู่เวทีการเมืองโลกอย่างเต็มตัวแล้ว

 

ยิ่งไปกว่านั้น ปูตินต้องการชัยชนะทางการเมืองและการทหาร โดยยืนยันว่าจะรักษาความได้เปรียบทางดินแดนทั้งหมดที่รัสเซียยึดครองใน 4 ภูมิภาคของยูเครน ซึ่งได้แก่ โดเนตสก์, ลูฮันสก์, ซาปอริซเซีย และเคอร์ซอน พร้อมกับความต้องการให้ยูเครนถอนกำลังทหารของตนออกจากพื้นที่ที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ยูเครนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

 

ปูตินอาจหวังว่า หากได้การสนับสนุนจากทรัมป์สำหรับข้อเรียกร้องทางดินแดนนี้ จะทำให้ยูเครนสูญเสียการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และจะเป็นโอกาสให้รัสเซียกับสหรัฐฯ เดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่อไป อย่างไรก็ตาม รัสเซียก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากการขาดดุลงบประมาณและรายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซที่ลดลง ซึ่งอาจทำให้ปูตินพิจารณาประนีประนอม เพื่อลดความขัดแย้งนี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่ารัสเซียจะเปลี่ยนท่าที

 

ขณะที่ฟากฝั่งทรัมป์ นักวิเคราะห์มองว่าสิ่งที่ชัดเจนตลอดปีนี้คือ ทรัมป์ต้องการโอกาสที่จะเป็น ‘คนยุติสงคราม’ เป็น ‘นักสร้างสันติภาพ’ และไม่ปิดบังความปรารถนาของเขาที่มีต่อรางวัลโนเบล

 

นับตั้งแต่หวนคืนทำเนียบขาวในช่วงต้นปี 2025 ทรัมป์เข้าไปมีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งในหลายพื้นที่ทั่วโลก เช่น ความขัดแย้งอินเดีย-ปากีสถาน, ความขัดแย้งอิสราเอลในตะวันออกกลาง, ความขัดแย้งรวันดา-ดีอาร์คองโก รวมถึงความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ทำให้ผู้นำหลายประเทศต่างเห็นพ้องเสนอชื่อทรัมป์ชิงรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพในปีนี้ 

 

โดยทรัมป์ยอมรับว่าเขาเคยคิดว่า “(การยุติสงครามยูเครน) งานนี้ง่ายที่สุด แต่จริงๆ แล้วยากที่สุด” 

 

หากซัมมิตนี้ประสบผลสำเร็จ และมีผลลัพธ์ที่ช่วยปูทางไปสู่สันติภาพในยูเครนได้ ก็จะยิ่งตอกย้ำภาพของทรัมป์ในฐานะ ‘ผู้รักษาสันติภาพโลก’

 

แฟ้มภาพ: Getty Images / Shutterstock

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising