หัวข้อในเนื้อหานี้
- ชมพระพุทธรูปปางอัฏฐมีบูชา ที่วัดอินทาราม
- ตื่นตากับจิตรกรรมฝาผนังฝีมือลูกศิษย์ขรัวอินโข่ง ที่วัดโพธินิมิตร
- สำรวจชุมชนหลังศูนย์จันทร์ฉิมไพบูลย์
- ฟังเรื่องเล่าพ่อซื้อแม่ซื้อที่ ‘โอวเจี่ยะหยี่อาเนี้ยเก็ง’
- ปั่นจักรยานผ่านโลเคชันภาพยนตร์เรื่องหลานม่า
- สักการะเจ้าพ่อกวนอูและเจ้าพ่อเห้งเจีย
- ชมความอลังการของพระราหูและความสวยงามของหลวงพ่อโตที่วัดขุนจันทร์
ตลาดพลู ชื่อนี้ใครได้ยินเป็นต้องน้ำลายสอ เพราะขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกิน ขนมกุยช่ายเอย ข้าวหมูแดงเอย หมี่กรอบเอย กระเพาะปลาเอย และอีกมากมายสารพัด แต่ครั้งนี้ ขอพักเรื่อง ‘กิน’ เอาไว้ก่อน เพราะเราจะขอพาไป ‘ปั่น’ รถถีบ ชม 7 สถานที่สำคัญ (อันซีนนิด ๆ) ประจำย่าน ที่จะทำให้เรารู้จักตลาดพลูกันมากยิ่งขึ้น
ชมพระพุทธรูปปางอัฏฐมีบูชา ที่วัดอินทาราม
หลายคนอาจคุ้นชื่อของวัดอินทารามวรวิหาร ในฐานะวัดที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แต่มากไปกว่านั้น วัดแห่งนี้ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกหลายจุด อาทิ สีหบัญชรลวงบนหน้าบันของอุโบสถหลังใหม่ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 มีไว้สำหรับหลอกข้าศึกว่า เป็นหน้าต่างที่กษัตริย์ใช้สำหรับเสด็จออกให้กำลังใจไพร่พล จิตรกรรมฝาผนังรูปเครื่องมงคลจีน อย่างรูปนกกางเขนที่เป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภและความสุข รูปดอกโบตั๋น สัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง หรือแม้แต่รูปค้างคาวที่เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี รวมถึงพระพุทธรูปปางอัฏฐมีบูชา หรือปางถวายพระเพลิงที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารน้อย โดยมีลักษณะเป็นหีบพระบรมศพ มีพระบาทยื่นออกมา และมีพระสงฆ์สามรูปกำลังกราบสักการะก่อนถวายพระเพลิง เป็นพระพุทธรูปปางแปลกตาที่เราไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก
ตื่นตากับจิตรกรรมฝาผนังฝีมือลูกศิษย์ขรัวอินโข่ง ที่วัดโพธินิมิตร
วัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม อีกหนึ่งวัดสำคัญของย่านตลาดพลู สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มีลักษณะสำคัญคือ มี ‘มหาสีมาราม’ เหมือนกันกับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดประจำรัชกาลที่ 4 และวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดประจำรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7 หมายถึงวัดที่มีสีมาหรือเสมาครอบคลุมทั่ววัด สามารถ ‘ทำสังฆกรรม’ ได้ทั่วทั้งบริเวณ นอกจากนี้ ไฮไลต์อีกอย่างยังอยู่ที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ให้พระอาจารย์แดงแห่งวัดหงส์รัตนาราม ช่างเขียนที่มีชื่อเสียงในเวลานั้น ผู้เป็นลูกศิษย์ขรัวอินโข่งมาเป็นผู้วาด มีภาพที่น่าสนใจคือ ภาพวัดราชบพิธ วัดสุทัศน์ และวัดโพธินิมิตร ที่ใช้เทคนิคการวาดแบบตะวันตก มีระยะใกล้-ไกล หรือที่เรียกกันว่า perspective นั่นเอง
สำรวจชุมชนหลังศูนย์จันทร์ฉิมไพบูลย์
จากวัดโพธินิมิตร เราปั่นจักรยานลัดเลาะตามตรอกซอกซอย ซึ่งระหว่างทางได้พบกับทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ และลูกเด็กเล็กแดงที่คอยส่งยิ้มและโบกมือทักทายให้กับพวกเราแก๊งนักปั่นอย่างเป็นกันเอง จนกระทั่งมาถึง ‘ลานไทร’ ของชุมชนหลังศูนย์จันทร์ฉิมไพบูลย์ ที่เรียกว่าเป็น ‘โอเอซิสของตลาดพลู’ คงไม่ผิดนัก ด้วยความที่เป็นลานโล่งกว้าง มีคุณปู่ต้นไทรคอยให้ร่มเงา และมีลมพัดผ่านตลอดเวลา ทำให้ที่นี่เป็นจุดแวะพักของนักปั่นและจุดจัดกิจกรรมประจำย่านอยู่เสมอ เช่นเดียวกับบ้านสวนและบ้านต้นไม้ที่อยู่ในละแวกเดียวกัน ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การที่ชุมชนดึงเรื่องของ ‘ความสะอาด’ มาเป็นจุดเด่น ด้วยความที่ไม่ได้มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงสร้างจุดเด่นขึ้นมาใหม่ด้วยการรณรงค์และสื่อสารกับคนในชุมชนที่มีอยู่ประมาณ 300-400 คน ให้ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดควบคู่กับการปลูกผักสวนครัวในพื้นที่ส่วนกลาง เพราะนอกจากจะช่วยให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยที่ดีแล้ว ยังจะเป็นอีกหนึ่งจุดขายในด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย
ฟังเรื่องเล่าพ่อซื้อแม่ซื้อที่ ‘โอวเจี่ยะหยี่อาเนี้ยเก็ง’
ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีองค์เจ้าแม่กวนอิมเป็นประธาน และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนโรงเจ ซอยเทอดไท 21 มาเป็นเวลานับร้อยปี แต่นอกจากความสำคัญดังกล่าวแล้ว ศาลเจ้าแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องประเพณี ‘พ่อซื้อแม่ซื้อ’ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของชาวจีนแต้จิ๋วในการนำลูกนำหลานวัยแบเบาะมาฝากไว้กับ ‘อาพั้ว’ เทพเจ้าที่ชาวจีนแต้จิ๋วเชื่อกันว่าเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองดูแลเด็กให้มีสุขภาพแข็งแรง ร่าเริง อารมณ์ดี แคล้วคลาดปลอดภัยจนถึงอายุ 15 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเป็นวัยบรรลุนิติภาวะตามความเชื่อของชาวจีน โดยจะมีการนำขนมเสียะหลิ่วก้วย (ขนมจู๋) แทนเด็กผู้ชาย หรือขนมซากั๊กเหล่าก้วย (ขนมจิ๋ม) แทนเด็กผู้หญิง มาไหว้พ่อซื้อแม่ซื้อกันในช่วงวันที่ 7 เดือน 7 ตามปฏิทินจีน
ปั่นจักรยานผ่านโลเคชันภาพยนตร์เรื่องหลานม่า
“ตรงนี้เลยที่เอ็มเข็นรถขายโจ๊กกับอาม่า ถัดไปหน่อยก็เป็นถนนต้นเฟื่องฟ้า ที่อาม่ากับเอ็มเขาเดินด้วยกัน” พี่นก เจ้าของเพจเรื่องเล่าชาวตลาดพลู ผู้จัดกิจกรรมปั่น ยล ชมย่าน ครั้งนี้ ชี้นิ้วชวนให้ดูโลเคชันถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหลานม่า (2567) ที่นำแสดงโดยบิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และอุษา เสมคำ รับบทอาม่าเหม้งจู ซึ่งกวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 2,000 ล้านบาท โดยหนังเรื่องนี้นอกจากสะท้อนถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนที่เชื่อว่าคงไปจี้ใจดำของหลายครอบครัวแล้ว ยังมีแฟนภาพยนตร์จำนวนไม่น้อยที่มาตามรอยสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ในย่านตลาดพลูเพื่อเก็บภาพเป็นที่ระลึก ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ในทางอ้อมอีกด้วย
สักการะเจ้าพ่อกวนอูและเจ้าพ่อเห้งเจีย
ด้วยความที่ตลาดพลูเป็นที่อยู่อาศัยของชาวไทยเชื้อสายจีนจำนวนมาก จึงทำให้มีศาลเจ้าจำนวนมากเป็นเงาตามตัว โดยนอกจากศาลเจ้าแม่กวนอิมแล้ว ยังมี ‘ศาลเจ้ากวนอู’ ริมคลองบางกอกใหญ่หรือคลองบางหลวง ที่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี (พ.ศ. 2324) ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เจ้าพ่อจระเข้ ที่ชาวบ้านเล่าต่อกันว่า มีจระเข้ตัวใหญ่มาตายอยู่หน้าศาลเจ้า ชาวบ้านจึงได้นำกะโหลกของจระเข้ขึ้นมาบูชา ขณะที่อีกหนึ่งศาลเจ้าเก่าแก่คือ ‘ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย’ หรือซุนหงอคง หนึ่งในตัวละครเอกเรื่องไซอิ๋ว ที่เชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์ที่สุด โดยความน่าสนใจอยู่ตรงที่รูปเคารพเห้งเจียที่มีองค์บริวารคือ ตือโป๊ยก่ายและไฉ่ซิงเอี๊ยกับน้องชายนั้น ปั้นขึ้นโดยผู้ก่อตั้งศาลเจ้า จึงทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
ชมความอลังการของพระราหูและความสวยงามของหลวงพ่อโตที่วัดขุนจันทร์
วัดวรามาตยภัณฑสาราราม หรือวัดขุนจันทร์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระยามหาอำมาตยาธิบดี (ป้อม อมาตยกุล) ต้นสกุลอมาตยกุล โดยโบราณวัตถุดั้งเดิมซึ่งรอดพ้นจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ องค์หลวงพ่อโตและองค์พระสังกัจจายน์ ส่วนสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ นั้น ล้วนสร้างขึ้นใหม่ โดยในช่วงหลังมานี้ ทางวัดมีชื่อเสียงในกลุ่มสายมูเตลู โดยเฉพาะการมากราบไหว้สะเดาะเคราะห์กับ ‘พระราหู’ และ ‘พระพิฆเนศ’ ที่มีข้อแม้ว่า ‘ให้ขอ ห้ามบน’ โดยพระราหูให้ใช้วิธีจับนม ส่วนพระพิฆเนศใช้วิธีกระซิบข้างหูหนูมุสิกะ ที่นี่เรายังได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินสวนกันให้ขวักไขว่ ด้วยเพราะเป็นจุดถ่ายรูปพระพุทธธรรมกายเทพมงคล พระพุทธรูปองค์ใหญ่แห่งวัดปากน้ำภาษีเจริญ ริมคลองบางกอกใหญ่ ที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่งนั่นเอง
หวังว่า บทความนี้จะช่วยทำให้ทุกคนรู้จักย่านตลาดพลูกันมากไปกว่าแค่เรื่องของอาหารการกิน เพราะย่านนี้ยังมีจุดขายในเรื่องของประวัติศาสตร์ ความเชื่อและวัฒนธรรม ความเข้มแข็งของชุมชน ตลอดจนการเป็นโลเคชันถ่ายทำภาพยนตร์ ที่ไม่ว่าจะเดินชม หรือปั่นชม เราเชื่อว่าจะทำให้คุณ ‘หลงรักตลาดพลู’ มากกว่าที่เคย
ขอขอบคุณ