วันนี้ (24 กรกฎาคม) เวลา 12.05 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล มาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.ร.ต. สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง แถลงเกี่ยวกับความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
พล.ร.ต. สุรสัตน์ กล่าวชี้แจงรายละเอียดเหตุการณ์ 2 วันที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์แรกคือการลอบวางระเบิดในพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 23 กรกฎาคม 16.55 น. เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้กำลังพลจากชุดลาดตระเวนกองพันทหารราบที่ 14 เหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวนปฏิบัติหน้าที่ ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย โดยมีหนึ่งรายได้รับบาดเจ็บสาหัส คือข้อเท้าขาด ส่วนอีก 4 รายมีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อจากแรงสั่นสะเทือนของระเบิด ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ส่วนเหตุการณ์ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 07.35 น. มีรายงานว่ากัมพูชาใช้โดรนตรวจการการวางกำลังของฝ่ายไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม และมีการเคลื่อนไหวของฝ่ายกำลังของกัมพูชา โดยนำอาวุธเข้าประจำการบริเวณแนวลวดหนามด้านหน้า พร้อมส่งกำลังพล 6 นายซึ่งมีอาวุธครบมือ RPG เคลื่อนที่เข้ามาบริเวณแนวหน้า โดยฝ่ายไทยพยายามตะโกนเจรจา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ต่อมา 08.20 น. กัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิงบริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ห่างจากปราสาทตาเมือนประมาณ 200 เมตร ทำให้ไทยจึงตอบโต้ จากนั้นจึงได้ขยายการปะทะไปตามแนวชายแดนต่างๆ อีก 6 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาควาย, ช่องบก, เขาพระวิหาร บริเวณห้วยตามาเรีย ภูมะเขือ, ช่องอานม้า และช่องจอม
ปัจจุบันฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธหนัก เช่น อาวุธจรวด BM-21 และปืนใหญ่ขนาด 122 มม. ทำให้เกิดการเสียหายแก่บ้านเมืองประชาชน และมีผู้เสียชีวิตในฝ่ายไทย และโจมตีไปที่ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ และล่าสุดมีการโจมตีไปทางโรงพยาบาลฝ่ายไทยด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ได้มีการอพยพประชาชนเพื่อความปลอดภัยแล้ว โดยมีประชาชนได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งสิ้น 3 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายวัย 5 ปี นอกจากนี้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ในพื้นที่ชุมชนบริเวณพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
พล.ร.ต. สุรสัตน์ ชี้แจงต่อว่า ทางการไทยได้มีการดำเนินตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มาตรา 39 โดยให้กองทัพไทยจัดตั้งศูนย์บัญชาการทางทหารในแต่ละระดับชั้น เพื่อติดตามสถานการณ์ ศูนย์ควบคุม อำนวยการ และสั่งการการปฏิบัติ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา สามารถดำเนินการในการใช้กำลังทางทหารในการปฏิบัติการทางทหารได้
สำหรับการดำเนินการ ศบ.ทก. ซึ่งเดิมทีมีมาตรการเปิด-ปิดด่าน โดยย้ำเสมอว่าฝ่ายไทยไม่เคยปิดด่าน ใช้มาตราถึงระดับที่ 2 คือการจำกัดคนและเวลา แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ต้องยกระดับถึงระดับที่ 4 คือการปิดด่านเข้า-ออกทุกด่านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ทั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีการรายงานจับตากลุ่มนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางโดยเครื่องบิน เพื่อไปเล่นการพนันบริเวณพื้นที่กัมพูชา และเดินทางกลับเข้ามาตามแนวชายแดนทางบก ซึ่งมีการรวบรวมและติดตามพฤติกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และจะมีการเข้มงวดกับกลุ่มต่างๆ เหล่านี้มากยิ่งขึ้น จึงแจ้งเตือนประชาชนที่ยังมีพฤติกรรมในลักษณะนี้ ขอให้งดการเดินทางเช่นนี้
พล.ร.ต. สุรสัตน์ ยืนยันว่า ทางการไทยไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยวันนี้เวลา 14.00 น. จะมีการประชุมวาระแห่งชาติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งจะมีการประเมินสถานการณ์และกำหนดแนวทางที่ชัดเจนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป
ขณะที่ มาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวชี้แจงด้านการต่างประเทศ โดยมี 2 เรื่องสำคัญ เรื่องแรกคือ การควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ ยืนยันว่า ศบ.ทก. ไม่ได้มีมาตรการปิดด่านในระยะแรก แต่เพื่อเพิ่มความเข้มงวด ซึ่งเป็นไปตามการหารือในที่ประชุม เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทางการไทยจึงมีความจำเป็นที่จะต้องปิดด่านในจุดต่างๆ ซึ่งเป็นมาตรการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จากการควบคุมขั้นที่ 1 ถึง ขั้นที่ 2 ที่ผ่านมา จนกระทั่งบัดนี้เป็นขั้นตอนที่ 4
ส่วนการดำเนินการด้านการต่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศ โดยรายงานว่า เมื่อวานนี้ (3 กรกฎาคม) ทางกระทรวงการต่างประเทศจัดการบรรยายการสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศ และผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ในเรื่องทุ่นระเบิดบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี และการประท้วงของฝ่ายไทย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี โดยมีผู้แทนคณะทูตต่างประเทศเข้าร่วมจำนวน 93 คน จาก 68 ประเทศ และฝ่ายไทยได้มีโอกาสสำคัญนี้ในการชี้แจงท่าทีและจุดยืนในเรื่องดังกล่าว
การดำเนินการในเรื่องนี้ ทั้งในการประท้วงฝ่ายกัมพูชาโดยตรง และประท้วงไปที่ประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต และโอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมถึงการดำเนินการต่อไป ซึ่งผู้แทนประเทศต่างๆ โดยเฉพาะรัฐภาคีในอนุสัญญาดังกล่าว ได้รับทราบจุดยืนและเห็นพ้องกับแนวทางของไทย ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีของไทยเอง
จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ที่กำลังพลของกองทัพบกอีก 5 นาย ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี กระทรวงการต่างประเทศได้ขอประณามการกระทำของกัมพูชาอย่างที่สุด ในการละเมิดอธิปไตย การละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และขอแสดงความเสียใจ โดยกระทรวงการต่างประเทศนั้นจะเดินหน้าประท้วงต่อไป
สำหรับสถานการณ์การปะทะระหว่างกำลังทั้ง 2 ฝ่ายที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ และที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ริเริ่ม ตนขอเรียนให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการไปพร้อมกับกองทัพไทย เพื่อปกป้องผลประโยชน์อธิปไตยของไทย และในเวทีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่อย่างที่สุด
สุดท้ายนี้ ตนขอร่วมส่งกำลังใจให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณชายแดน และเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่กำลังปฏิบัติหน้าที่