สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การทะยานขึ้นของ Bitcoin สู่การสร้างสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาล (All-Time High) ในช่วงปลายสัปดาห์ ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่เดิมพันในฝั่งขาลง (Bearish) โดยมีการบังคับปิดสถานะสัญญา Short คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.29 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
ข้อมูลล่าสุดจาก Coinglass ระบุว่า มีเทรดเดอร์ถูกล้างพอร์ตไปแล้วกว่า 279,000 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจากที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 118,847 ดอลลาร์ โดยการบังคับปิดสถานะสัญญา Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดรายการเดียวเกิดขึ้นบนกระดานเทรด HTX มีมูลค่าสูงถึง 88.5 ล้านดอลลาร์
เมื่อรวมมูลค่าการล้างพอร์ตจากทุกสกุลเงินดิจิทัล พบว่ามีมูลค่าสูงถึง 1.29 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับเป็นมูลค่าการล้างพอร์ตที่สูงที่สุดในปีนี้
การทะยานขึ้นอย่างรุนแรงของ Bitcoin เริ่มขึ้นในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (10 กรกฎาคม) ซึ่งเป็นการทำลายภาวะซบเซาที่ดำเนินมาเกือบสองเดือน โดยจังหวะเวลาดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณแข็งกร้าวทางการค้าครั้งใหม่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง แต่กลับเป็นปัจจัยหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์หลบภัย
นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนต่างชี้ให้เห็นถึงปัจจัยหลายประการที่ประกอบกันเป็นพายุหนุนราคาครั้งนี้ ได้แก่ สถานะสินทรัพย์หลบภัย (Haven Lure) จากการที่ Bitcoin พุ่งขึ้นสวนทางกับตลาดหุ้นที่ร่วงลงจากความกังวลเรื่องสงครามการค้า ตอกย้ำถึงบทบาทของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์หลบภัยจากความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งแตกต่างจากเหตุการณ์ ‘Liberation Day’ เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ทั้งหุ้นและ Bitcoin ร่วงลงพร้อมกันในตอนแรก
นอกจากนี้ ตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ตลาดได้รับข่าวดีอย่างต่อเนื่องทั้งการกลับมาของเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน Bitcoin ETF และการที่คณะกรรมาธิการในสภาคองเกรสสหรัฐฯ ประกาศให้สัปดาห์หน้าเป็น ‘Crypto Week’ เพื่อพิจารณากฎหมายที่เป็นมิตรต่ออุตสาหกรรม
รวมทั้งเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ว่าจีนซึ่งเคยสั่งแบนการเก็งกำไรในสินทรัพย์ดิจิทัลมานาน 4 ปี กำลังเริ่มทบทวนนโยบายดังกล่าว
นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า การที่ความผันผวนของตลาดลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้านี้ ได้สร้างฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการปรับตัวขึ้นอย่างยั่งยืน
การปรับตัวขึ้นครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ใน Bitcoin เท่านั้น แต่ยังกระจายไปยังสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อย่างกว้างขวาง เช่น Ether (ETH) สกุลเงินดิจิทัลอันดับสอง พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่เหรียญอื่นๆ เช่น Cardano ก็ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน
ปรากฏการณ์ Short Squeeze หรือการบีบให้ผู้ที่เปิดสถานะ Short ต้องรีบซื้อคืนเพื่อตัดขาดทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงความแข็งแกร่งของตลาดกระทิงรอบปัจจุบัน ที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยโมเมนตัมเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์จากสถาบันและทิศทางนโยบายที่ชัดเจนขึ้นเป็นแรงหนุนสำคัญ
อ้างอิง: