วันนี้ (12 กรกฎาคม) ที่ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา จังหวัดชลบุรี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองหลายประเด็น
โดยร้อยเอกธรรมนัสกล่าวถึงกรณีการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ว่าเป็นเรื่องที่ต้องมีการพูดคุยกันภายในพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมทั้งยกตัวอย่างในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เสียงปริ่มน้ำเช่นกัน แต่ก็สามารถควบคุมเสียงในสภาฯ และผ่านพ้นมาได้โดยไม่มีปัญหา โดยเน้นย้ำว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลมีความสามัคคีและมีการนำตัวเลขเสียงมาพูดคุยกันอย่างเปิดเผย เชื่อว่าองค์ประชุมจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้
“ถ้าคนอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน เริ่มมาตั้งแต่ปี 2541 สมัยพรรคไทยรักไทย เห็นอะไรมาเยอะ สถานการณ์การเมือง ณ เวลานี้ ผมอยู่วงใน ผมรู้ รู้ว่าสถานการณ์การเมืองตอนนี้เอาอยู่หรือไม่เอาอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เรากับพรรคร่วมจะต้องคุยกัน ถามว่าสถานการณ์อย่างนี้มีเสถียรภาพหรือไม่ มันอยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาลถ้าจับมือกันก็มีเสถียรภาพ” ร้อยเอกธรรมนัสกล่าว
สำหรับตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ร้อยเอกธรรมนัสยืนยันว่า พรรคกล้าธรรมมีสิทธิ์เสนอชื่อบุคคลเข้าดำรงตำแหน่ง โดยจะให้ สส.ภายในพรรคหารือกันในเรื่องนี้ เนื่องจากพรรคกล้าธรรมมีความเป็นประชาธิปไตย 100% ที่ต้องรับฟังเสียงส่วนใหญ่ และได้มอบหมายให้เลขาธิการพรรคไปพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร้อยเอกธรรมนัสระบุว่า ตนเองและอนุทินยังคงพูดคุยกันเหมือนเดิมอย่างที่เห็นในสภาฯ และยืนยันหลักการที่ว่า ไม่เคยสร้างศัตรูทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล
ร้อยเอกธรรมนัสยังกล่าวถึงกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยกล่าวไว้ว่าการดึงพรรคภูมิใจไทยกลับมาร่วมงานมีความเป็นไปได้ โดยร้อยเอกธรรมนัสเน้นย้ำว่า ทุกอย่างในการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีมิตรแท้และไม่มีศัตรูที่ถาวร เพราะในสภาฯ แม้จะมีการโต้เถียงกัน แต่เมื่อออกมาก็ยังสามารถกอดคอกันได้ อย่าคิดมาก
เมื่อถามถึงโอกาสของอนุทินในตำแหน่งผู้นำ ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวว่า การเมืองในตำแหน่งผู้นำจะมีโอกาสหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเสียง สส.หรือโหวตเตอร์เป็นเรื่องสำคัญ หากสามารถรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ได้ ทุกคนก็มีโอกาส
ในส่วนของการรองรับกรณีอุบัติเหตุทางการเมือง ของนายกรัฐมนตรี ร้อยเอกธรรมนัสระบุว่า ในวันที่นัดพรรคร่วมรัฐบาลหารือกัน คงจะต้องมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ และย้ำว่าในฐานะที่ดูแล สส.กว่า 30 คน ต้องรักษาเสียงให้เต็มตลอดเวลาในการโหวตทุกครั้ง อย่างเช่นการโหวตเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เสียงของพรรคกล้าธรรมก็มาเต็มทุกคนไม่มีขาด
เมื่อถามว่าการเมืองยังไม่ถึงทางตันใช่หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัสให้ความเห็นว่า จากประสบการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา เสียงปริ่มน้ำเป็นเสียงที่เตือน สส.ว่าต้องพร้อมในการโหวตทุกวาระ และไม่น่าจะมีปัญหาหากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคกำชับเสียงของตนเอง
ส่วนโอกาสในการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ร้อยเอกธรรมนัสย้ำว่า การเมืองไม่มีอะไรที่แน่นอน โดยเสียงรัฐบาลในปัจจุบันมีประมาณ 260 เสียง และปฏิเสธข่าวการดีลเสียง สส. 3 คนจากพรรคภูมิใจไทย มาหนุนแนวทางของรัฐบาล หรือการที่เสียงจากฝ่ายค้านจะมาหนุนรัฐบาล
ร้อยเอกธรรมนัสยังเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้พบกับทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลก เพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในการหามาตรการรับมือกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา โดยตนเองไปในนามกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่พรรคกล้าธรรมกำกับดูแลอยู่ และได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เมื่อถามว่าทักษิณเป็นห่วงถูกฟ้องเรื่องการครอบงำหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัสชี้แจงว่า ในการหารือดังกล่าวไม่ได้เชิญในนามรัฐบาล แต่เชิญในฐานะผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญไปหารือ และทักษิณไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรเป็นพิเศษ แต่ละฝ่ายที่ร่วมประชุมให้ข้อเสนอ และที่ประชุมเห็นตรงกันว่าการดำเนินการต้องคำนึงถึงคนไทยเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะภาคการเกษตร
ซึ่งอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เน้นย้ำการคำนึงถึงพี่น้องเกษตรกร และไม่ทำให้เกิดความเสียหายแก่พี่น้องเกษตรกร ที่ถือว่าเป็นนัยเรื่องสำคัญ โดยในที่ประชุมวันนี้คุยเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง มีเพียงการพูดคุยเรื่องการยกระดับมาตรฐานภาษีของสหรัฐอเมริกา
