×

พริษฐ์ย้ำพรรคประชาชนทำหน้าที่ฝ่ายค้านเข้มข้น แต่มีเส้นแบ่งยื่นศาลรัฐธรรมนูญเฉพาะกรณีทุจริตเท่านั้น

โดย THE STANDARD TEAM
02.07.2025
  • LOADING...

วันนี้ (2 กรกฎาคม) พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ที่มีพรรคภูมิใจไทยเข้ามาร่วมประชุมด้วยในวันนี้ จะมีการหารือเรื่อง วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีการเปิดสมัยประชุมในวันพรุ่งนี้ (3 กรกฎาคม) นี้ ซึ่งจะได้เห็นกระทู้ถามสดของผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรที่จะสอบถามในประเด็นสำคัญของประเทศ ที่เกิดในช่วงปิดสมัยประชุมและกำลังรอคำตอบจากฝ่ายบริหารอยู่

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับระเบียบวาระการประชุมสภาในสัปดาห์หน้าสังคมกำลังจับตาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรหรือ Entertainment Complex และภายใต้เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นมากมาย เมื่อวานนี้มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น คือคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ได้มีมติที่จะขอถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกจากวาระการประชุม ก็จะทำให้ร่างกฎหมายนี้อยู่ในวาระการประชุมแรกของสัปดาห์หน้า

 

ดังนั้น จุดยืนส่วนตัวและของพรรคประชาชนก็ยังคงเหมือนเดิม คือไม่เห็นด้วยกับนโยบายและร่างกฎหมายของรัฐบาลในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะด้วยผลการศึกษายังไม่ชัดเจน รวมถึงผลกระทบทางสังคม เช่น ปัญหาการติดการพนัน และความเสี่ยงเรื่องการฟอกเงิน ก็ยังไม่มีมาตรการที่รัดกุมเพียงพอ ซึ่งหากรัฐบาลรับฟังความเห็นอย่างจริงใจก็คงจะถอนร่างนี้ออก แต่ถ้าไม่ถอนในมุมหนึ่งก็เหมือนบททดสอบความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลและประชาชนเหมือนกัน

 

“ร่างกฎหมายนี้เป็นของ ครม. ตามธรรมเนียมของระบบรัฐสภา หากกฎหมายนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบ หรือถูกคว่ำ ก็สะท้อนว่า รัฐบาลไม่สามารถคุมเสียงของซีกรัฐบาลได้แล้วแม้ว่าจะเป็นนโยบายที่รัฐบาลอ้างว่า เป็นเรือธงของตนเอง โดยหลักการแล้ว เราก็คาดหวังความรับผิดรับชอบทางการเมืองของรัฐบาล” พริษฐ์กล่าว

 

สำหรับท่าทีของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่มีพรรคภูมิใจไทยมาเติมเสียงด้วยแล้วนั้น พริษฐ์ระบุว่า ก็ต้องรอดูความชัดเจนว่ารัฐบาลจะถอยหรือไม่ แต่จากที่ฟังการให้สัมภาษณ์ของพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว ก็เชื่อมั่นว่าจะมีจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 นั้น ยืนยันว่า รัฐบาลซึ่งเป็นที่คาดหวังของประชาชนมีทางออกเดียว คือเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งใหม่

 

พริษฐ์ชี้ว่า ทางเลือกแรกคือ รักษาการนายกรัฐมนตรีสามารถประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนในการเลือกตั้ง หรือหากรักษาการนายกรัฐมนตรีไม่ยุบสภา ทางพรรคประชาชนก็จะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อใช้กลไกรัฐสภา เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยหลังจากเปิดการประชุมพรุ่งนี้ ผู้นำฝ่ายค้านก็จะนัดหารือร่วมกับหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่าเราจะใช้กลไกต่างๆ หรือไม่

 

ทั้งนี้ พริษฐ์ย้ำจุดยืนเดิมว่า พรรคประชาชนจะไม่ร่วมรัฐบาลกับใครในสมัยนี้ และท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองแบบนี้ ต้องเป็นรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง

 

ย้ำเป็นฝ่ายค้านจริงจังไม่เคยออมมือ

 

ส่วนกรณีที่แม้ แพทองธาร ชินวัตร จะถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมนั้น พริษฐ์มองว่า ในเชิงกฎหมายก็มีข้อถกเถียงกันอยู่แต่ก็ต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งก็น่าสนใจว่าหากเราตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมายังไม่เห็นผลเท่าที่ควร ก็แปลว่า แพทองธารจะต้องมาตอบกระทู้สดในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมใช่หรือไม่ เนื่องจากมอบหมายใครไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการแล้ว

 

พริษฐ์ยังยืนยันว่า พรรคประชาชนทำหน้าที่ฝ่ายค้านอยู่ในจุดเดิมมาโดยตลอด ตรวจสอบอย่างเข้มข้นทุกบุคคล ทุกกระทรวง เรามีบางพรรคที่ตอนแรกมาประชุมวิปฝ่ายค้านด้วย มีท่าทีขึงขังในการตรวจสอบบางเรื่อง แต่ตอนนี้ก็ไปร่วมรัฐบาล มีเลขาธิการพรรคที่ปกป้องรัฐบาล อาจจะมากกว่าโฆษกรัฐบาลด้วยซ้ำ พรรคประชาชนทำหน้าที่ฝ่ายค้านและใช้กลไกทุกอย่างในสภา แต่อาวุธบางอย่างก็ต้องระมัดระวังในการใช้

 

สำหรับกรณีที่ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน วิจารณ์พรรคประชาชนว่า ไม่ใช้กลไกศาลรัฐธรรมนูญยื่นตรวจสอบนายกรัฐมนตรี พริษฐ์กล่าวว่า พรรคประชาชนมีจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่ใช้กลไกใดบ้างในการตรวจสอบ และเราไม่ได้ปฏิเสธทุกกลไกการตรวจสอบโดยศาลหรือองค์กรอิสระ ถ้าเป็นนโยบายเกี่ยวกับการทุจริตที่สามารถนิยามได้ชัดเจน เราเห็นว่าผู้กระทำการทุจริตก็ควรได้รับผิดรับชอบตามกฎหมาย เช่น การยื่นศาลรัฐธรรมนูญกรณี พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ก็ไม่ได้เป็นการยื่นในเรื่องจริยธรรม แต่เป็นเรื่องการโยกย้ายงบประมาณโดยไม่โปร่งใส หรือกรณี ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนในการถือหุ้น

 

“ผมยืนยันชัดเจนมาโดยตลอดว่า ไม่ได้ออมมือให้กับใคร ใช้เกณฑ์เดียวกันในการตรวจสอบผู้มีอำนาจทุกฝ่าย ต้องถามกลับไปด้วยซ้ำว่า หากคิดว่าการอภิปรายเรื่องตั๋ว P/N ของคุณวิโรจน์วันนั้นมีน้ำหนักมาก วันนั้นเมื่อคุณวิโรจน์อภิปรายเสร็จ พรรคอะไรบ้างที่ยังยกมือให้ความไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี ด้วยความเคารพ เพราะเห็นคุณจตุพรพาดพิงพรรคเรา แล้วไปชื่นชมอีกพรรคการเมืองหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าพรรคการเมืองนั้น เมื่อฟังอภิปรายเสร็จก็ยังไปยกมือให้นายกรัฐมนตรีต่อ” พริษฐ์กล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising