วันนี้ (25 มิถุนายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมการดูแลประชาชนคนไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ในกรณีที่ต้องการเดินทางกลับไทยเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยกระทรวงการต่างประเทศวางแผนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่านโดยรวดเร็วและปลอดภัย
แพทองธารกล่าวต่อว่า ในอิหร่านมีคนไทยรวมประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและนักศึกษา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ช่วยเหลือให้ไปพำนักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงที่เมืองออโมล (Amol) แล้ว 35 คน และอีก 4 คนไปที่ศูนย์พักพิงที่เมือง
วาน (Van) ในตุรกีแล้ว นอกจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานงานให้คนไทย 73 คนที่ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับฝ่ายอิหร่านเพื่อให้เร่งออกวีซ่าขาออก (Exit Visa) ให้
ในส่วนอิสราเอลมีคนไทยอยู่ประมาณ 40,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ ติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนด้วย ซึ่งในชั้นนี้ส่วนใหญ่ยังต้องการอยู่ในอิสราเอลต่อไป มีเพียง 18 คนที่แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับไทย ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ กำลังประสานกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกให้เดินทางกลับประเทศตามความประสงค์
สำหรับผู้ที่ประสงค์จะพำนักอยู่ในอิสราเอลและอิหร่านต่อไป ขอให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของทางการท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด รวมทั้งติดตามข่าวสารจากสถานเอกอัครราชทูตไทยอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งทีมประสานงานส่วนล่วงหน้า ซึ่งประกอบด้วยกระทรวงการต่างประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย และกระทรวงแรงงาน ไปเสริมกำลังของสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อดูแลคนไทยในพื้นที่ดังกล่าวด้วยแล้ว ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เร่งประสานงานให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก เพื่อให้ทุกชีวิตคนไทยในอิสราเอลและอิหร่านปลอดภัย
อ้างอิง: