×

รวมท่าทีนานาชาติ หลังทรัมป์โจมตีโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน หวั่นเกิดสงครามใหญ่

23.06.2025
  • LOADING...
trump-iran-attack-world-reaction

บรรดาผู้นำประเทศ รวมถึงผู้นำองค์กรระหว่างประเทศต่างออกมาแสดงจุดยืน หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สั่งโจมตีโครงการนิวเคลียร์อิหร่านอย่างน้อย 3 แห่ง เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจ หาทางออกด้วยสันติวิธี หวั่นการสู้รบขยายตัวกลายเป็นสงครามใหญ่ในตะวันออกกลาง

 

อิหร่านพร้อมโต้กลับ ยันสหรัฐฯ-อิสราเอล “ต้องถูกลงโทษ”

 

มาซูด เปเซชเคียน ประธานาธิบดีอิหร่านระบุว่า สหรัฐฯ “ต้องได้รับการตอบสนองจากการรุกรานของพวกเขา” ขณะที่ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ออกมาเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่า “พวกไซออนิสต์ได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่ พวกเขาต้องได้รับการลงโทษ”

 

ทางด้าน อามีร์ ไซอิด อิราวานี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติกล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ว่า สหรัฐฯ ได้ ‘ก่อสงคราม’ กับอิหร่าน ภายใต้ข้ออ้างที่ถูกสร้างขึ้นและไร้เหตุผล พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า อิหร่านมีสิทธิ์ป้องกันตนเอง ต่อการรุกรานที่ชัดเจนของสหรัฐฯ โดยการตอบสนองกลับที่เหมาะสมจะได้รับการตัดสินใจโดยกองทัพอิหร่าน ทั้งยังเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงถือว่า สหรัฐฯ และอิสราเอล เป็นผู้ต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น

 

ท่าทีนานาชาติ กับการตัดสินใจโจมตีอิหร่านของสหรัฐฯ

 

ในขณะที่สหรัฐฯ และอิสราเอลต่างฉลองชัยและอ้างว่า การโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ‘ประสบความสำเร็จอย่างมาก’ ถือเป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของทั้งสหรัฐฯ อิสราเอล และประเทศอื่นๆ ในประชาคมโลก แต่ดูเหมือนว่าประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจ ‘อาจไม่ได้คิดแบบเดียวกัน’

 

‘จีน’ หนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หากอิหร่านตัดสินใจปิดช่องแคบฮอร์มุซเพื่อตอบโต้ภัยคุกคาม เนื่องจากจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ในการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านผ่านช่องแคบดังกล่าว โดยจีน ‘ประณาม’ การโจมตีของสหรัฐฯ ต่ออิหร่านว่าเป็น ‘การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรง’ และยิ่งทำให้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้น

 

กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า จีนพร้อมทำงานร่วมกับชุมชนระหว่างประเทศเพื่อร่วมมือกันและรักษาความยุติธรรม และมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพในตะวันออกกลาง พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะอิสราเอลให้หยุดยิงและเริ่มการเจรจา

 

ขณะที่อีกหนึ่งมหาอำนาจอย่าง ‘รัสเซีย’ แม้จะยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนจาก วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย แต่ ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซียเผยว่า หลายประเทศพร้อมที่จัดส่งอาวุธนิวเคลียร์ให้กับอิหร่าน ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า “เราประณามการโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรง” พร้อมชี้ว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติอย่างชัดเจน

 

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) เผยว่า เขารู้สึก “วิตกกังวลอย่างยิ่ง” กับการใช้กำลังของสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้ความขัดแย้งนี้ อาจจะไม่สามารถควบคุมได้อย่างรวดเร็ว และอาจจะนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรงต่อพลเรือน ภูมิภาค และประชาคมโลก กูเตอร์เรสจึงเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกลดความตึงเครียด พร้อมทั้งชี้ว่า ทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาได้คือ ‘การทูต’ ไม่ใช่การทหาร

 

ทางด้าน คาจา คัลลัส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (EU) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายถอยกลับไปที่โต๊ะเจรจาและป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งยิ่งทวีความรุนแรง ขณะที่นักการทูตชั้นนำของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปต่างเน้นย้ำจุดยืนว่า อิหร่านไม่ควรได้รับอนุญาตให้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

 

เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงฉุกเฉิน เพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน หลังการโจมตีของสหรัฐฯ และเรียกร้องให้ “ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น” พร้อมทั้งยืนยันว่า ฝรั่งเศสไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีของสหรัฐฯ ต่ออิหร่านแต่อย่างใด

 

ส่วนประเทศพี่ใหญ่ในตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบียที่เคยประณามการโจมตีของอิสราเอลต่อโครงการนิวเคลียร์และโครงสร้างทางการทหารของอิหร่าน ได้แสดง ‘ความกังวลอย่างมาก’ เกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ แม้จะไม่ถึงกับประณามสหรัฐฯ แต่ก็ได้เน้นย้ำความจำเป็นในการใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อยับยั้งการกระทำต่างๆ ที่จะมีส่วนทำให้การสู้รบขยายตัวกลายเป็นสงครามใหญ่

 

เช่นเดียวกับหลายประเทศในตะวันออกกลาง เช่น อิรัก กาตาร์ และเลบานอน ต่างเห็นสอดคล้องกันว่า การตัดสินใจของทรัมป์ที่จับมืออิสราเอลร่วมกันถล่มโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้น เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสันติภาพและความมั่นคงในตะวันออกกลาง และเรียกร้องให้มีการเจรจาทางการทูตเพื่อลดความตึงเครียด

 

ทางฟากฝั่งของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนและกลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันดีกับอิหร่าน ต่างประณามเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น หวั่นสงครามขยายวง และดึงภูมิภาคและโลกไปสู่จุดที่ยากลำบากมากกว่านี้ หากไม่หยุดและไม่มีการดำเนินมาตรการยับยั้ง พร้อมทั้งระบุว่า การโจมตีเหล่านี้จะไม่สามารถยับยั้งอิหร่านจากความก้าวหน้าและการพัฒนาของอิหร่านได้

 

ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า การทำให้สถานการณ์สงบลงอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน ‘ต้องถูกยับยั้ง’ 

 

ขณะที่ไทยได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรงและหาทางออกที่สันติ โดยกระทรวงการต่างประเทศแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน โดยเฉพาะเมื่อมีการโจมตีที่ทวีความรุนแรงและการขยายความขัดแย้งจากฝ่ายอื่นๆ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค โดยภายหลังการโจมตีของกองทัพสหรัฐฯ ส่งผลให้สถานทูตไทยหลายแห่งในตะวันออกกลางประกาศเตือนประชาชนในช่วงที่สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยังคงดำเนินไป พร้อมแนะให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

 

ขณะนี้หลายฝ่ายกำลังเฝ้าจับตามองว่า อิหร่านจะตอบโต้การโจมตีของสหรัฐฯ อเมริกาอย่างไร คำขู่ที่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการค้าและราคาน้ำมันโลกจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ยังคงต้องติดตาม

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising