Nikkei Asia รายงานคำพูดของเจ้าหน้าที่กัมพูชาซึ่งออกมาเปิดเผยว่า ได้ ‘สกัดกั้นรถบรรทุกไทย’ ที่ขนส่งผักและผลไม้เข้าสู่ประเทศตั้งแต่เช้าวันอังคาร (17 มิ.ย.) ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งล่าสุดใน ‘ปัญหาชายแดน’ ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยมาตรการนี้เป็นการดำเนินการตามคำขาด 24 ชั่วโมงที่อดีตนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ได้กำหนดไว้ ซึ่งเรียกร้องให้กองทัพไทยเปิดด่านพรมแดนทุกจุด และกลับมาทำการตามปกติ
เพ็ญ โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชา ยืนยันเมื่อวันอังคารว่า เจ้าหน้าที่พรมแดนได้รับคำสั่งให้ป้องกันไม่ให้รถบรรทุกดังกล่าวข้ามพรมแดนได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถระบุได้ว่าสินค้าที่ได้รับผลกระทบนั้นมีไว้สำหรับการบริโภคในกัมพูชาหรือเพื่อขนส่งต่อไปเวียดนาม
ฮุน เซน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ได้เสนอการห้ามนำเข้าผลไม้ไทยตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทย โดยอ้างว่าผลผลิตเหล่านั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังเวียดนาม
โฆษกรัฐบาลกัมพูชา กล่าวว่า “ด่านตรวจทุกแห่งสั่งห้าม (นำเข้า) ผักและผลไม้ตามที่ ฮุน เซน ประกาศ” และให้เหตุผลว่า “ไทยปิดพรมแดนอย่างกะทันหัน ดังนั้นนี่คือ ‘ปฏิกิริยาที่เหมาะสม’ ต่อสิ่งที่ไทยทำกับเรา”
การกระทบกระทั่งกันระหว่างกัมพูชาและไทยเริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม เมื่อทหารกัมพูชาถูกยิงเสียชีวิตที่จุดพิพาทบริเวณชายแดนระหว่างจังหวัดพระวิหารของกัมพูชาและจังหวัดอุบลราชธานีของไทย
นับตั้งแต่นั้น ทหารจากทั้งสองประเทศยังคงประจำการตามแนวชายแดน ขณะที่ผู้นำของทั้งสองฝ่ายได้เพิ่มระดับการใช้ถ้อยคำ และขู่จะยกระดับมาตรการต่างๆ
ฮุน เซน เองก็ได้ขู่เมื่อวันอังคารว่าจะจำกัดการค้าผ่านด่านชายแดน หากกองทัพไทยไม่ยกเลิกการตัดสินใจ ‘ฝ่ายเดียว’ ที่ปิดด่านบางแห่งและจำกัดเวลาทำการของด่านสำคัญอื่นๆ
การเคลื่อนไหวของไทยซึ่งเริ่มใช้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของการค้า นักท่องเที่ยว และแรงงานของทั้งสองประเทศอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ กองทัพไทยยังได้ประกาศเมื่อวันอังคารว่ากำลัง ‘ห้ามแรงงานไทย’ ที่ทำงานในคาสิโนไม่ให้ข้ามพรมแดนที่จังหวัดสระแก้วไปยังเมืองปอยเปต ซึ่งเป็นแหล่งรวมคาสิโนและเป็นที่หลบภัยของนักพนันไทยจำนวนมากที่ถูกห้ามเล่นการพนันในประเทศตนเอง
กัมพูชามี ‘การขาดดุลการค้า’ กับไทยอย่างมาก จากข้อมูลของกระทรวงการคลังกัมพูชา ในช่วงห้าเดือนแรกของปีนี้ กัมพูชานำเข้าสินค้าจากไทยเกือบ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.9 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ส่งออกไปไทยมีมูลค่าเพียง 4 แสนดอลลาร์สหรัฐ เท่านั้น หรือประมาณ 13 ล้านบาท สินค้านำเข้าส่วนใหญ่ประกอบด้วยเชื้อเพลิง, ยานพาหนะ, เครื่องดื่ม และอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งใน 10 อันดับแรกของสินค้านำเข้า ไม่มีผักและผลไม้อยู่ในรายการเลย
ภาพ: Raywatta chitthipaisan / Shutterstock
อ้างอิง: